เป็นอีกหนึ่งภาคของ Call of Duty ที่มีเนื้อเรื่องเข้มข้นน่าติดตาม และยังตึงเครียดยิ่งกว่าที่เคยมีมา มาดูกันว่า Modern Warfare ในปี 2019 นี้จะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้างกันครับ
ม่านหมอกแห่งสงคราม
“สงครามของเราไม่ได้มีเพื่อความศรัทธาที่เรายึดถือ พวกเราสู้เพื่อนำอำนาจที่แปลกปลอมออกจากผืนดินของเรา”
“พวกเราคือ Al-Qatala พวกเราคือนักฆ่า”
พวกเราสู้ โดยปราศจากความโศกา เดิมพันอย่างไร้ความเห็นอกเห็นใจ นี่คือหนทางเดียวที่จะมีชีวิตรอด และตายไป ในฐานะทหารที่แท้จริง”
24 ชั่วโมงก่อนเหตุวินาศกรรมใน London เมือง Verdansk…
Alex เจ้าหน้าที่ CIA จากสหรัฐอเมริการ่วมมือกับหน่วยนาวิกโยธินเข้าทำภารกิจแทรกซึมในเมืองแห่งนี้ พวกเขาได้รับข้อมูลจาก Kate Laswell ผู้นำภารกิจประจำฐานว่า Roman Barkov นายพลของรัสเซียได้ลักลอบนำแก๊สพิษ Chlorine Gas เข้ามาผ่านทางฐานทัพในเมืองแห่งนี้ เธอได้ย้ำกับ Alex และเหล่านาวิกโยธินว่าให้นำสารพิษเหล่านี้ออกมาก่อนที่จะตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย
ด้วยความร่วมมือระหว่าง Alex และหน่วยพิฆาตของนาวิกโยธิน ทำให้พวกเขาสามารถนำสารพิษออกมาจากฐานได้สำเร็จ แต่ดีใจได้ไม่ทันไร พวกเขาก็ถูกลอบโจมตีจากกองกำลังไม่ทราบฝ่ายและขโมยสารพิษออกไป ชั่วขณะที่ Alex กำลังจะถูกฆ่านั้น เหล่าศัตรูเห็นว่าพวกเขาเป็นทหารอเมริกันจึงหยุดมือลง และจากไปพร้อมกับสารพิษ
จากการถูกขโมยสารพิษดังกล่าวทำให้ทางกองทัพนั่งไม่ติด เพราะหลายประเทศจะรู้ว่าอเมริกามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้อาวุธเคมีรั่วไหลและถูกนำไปใช้ในสงคราม นายพลหญิง Lyons จึงมีคำสั่งให้ Laswell แก้ปัญหาที่ว่านี้ทันที
“ลายนิ้วมือของคุณเปรอะไปทั่วแล้ว Laswell หาทางแก้ไขซะ”
“ท่านคะ ตอนนี้ข้อมูลคืออาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุดของเรานะคะ”
“พวกเราลองใช้ข้อมูลแล้วนิ หาอาวุธที่ดีกว่านี้มาซะ”
เมื่อถูกบีบจนไม่มีทางเลือก Laswell จึงต้องติดต่อหาสหายเก่าของเธอ ผู้กองแห่งหน่วย SAS ของอังกฤษ John Price ให้มาช่วยตามรอยอาวุธเคมีที่ว่านี้ และหยุดยั้งการแพร่กระจายของมันให้ได้
แต่ก็สายเกินไป ไม่ถึง 24 ชั่วโมงต่อมา กลุ่มผู้ก่อการร้าย Al-Qatala แอบแทรกซึมเข้าสู่ใจกลางเมืองลอนดอนที่ถนน Piccadilly แม้จะมีกองกำลังของหน่วย CTSFO และจ่า Kyle Garrick จากหน่วย SAS เข้ายับยั้งเหตุ แต่ก็สายเกินไป เหล่าผู้ก่อการร้ายกราดยิงทั้งผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเสียชีวิตไปหลายนาย
เคราะห์ดีที่กำลังเสริมของผู้กอง Price มาถึงได้ทันเวลา แต่ตัวประกันที่ผู้ก่อการร้ายจับได้นั้นถูกผูกติดกับระเบิดเอาไว้ และเหลือเวลาอีกไม่กี่วินาทีก็จะระเบิด ผู้กอง Price จึงต้องยอมเสียสละตัวประกันคนนั้น เพื่อช่วยคนที่ยังเหลืออีกเกือบสิบชีวิตเอาไว้
แม้จะช่วยตัวประกันส่วนใหญ่เอาไว้ได้ แต่จ่า Kyle กลับรู้สึกไม่ยินดีนัก เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น และการปฏิบัติตามกฎการรบทั่วไปใช้กับกองกำลังเหล่านี้ไม่ได้ และในวันนี้มันก็ทำให้มือของพวกเขาต้องเปื้อนเลือดไปแล้ว
“พวกเขาบอกเราได้ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ แต่ไม่ได้บอกเราว่าทำยังไง คนของผมถึงต้องตามรอยพวกมันมาร่วมสัปดาห์แล้ว”
“ถ้างั้นนายก็มีข้อมูลที่ใช้งานได้ในมือล่ะสิ?”
“ก็พอได้ครับท่าน”
“โอเค Garrick งั้นคุณมากับผม”
สงครามตัวแทน
Alex ได้รับข้อมูลของกองกำลังต่อต้านในประเทศ Urzikstan มาจาก Laswell ทำให้เขาได้มาพบกับ Farah Karim หัวหน้ากองกำลังต่อต้านเพื่อหาเบาะแสของสารเคมีที่หายไป แลกกับการช่วยเหลือกองกำลังต่อต้านรบกับกองกำลังของรัสเซียที่ยึดครอง Urzikstan อยู่ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี จากการร่วมมือของกองกำลังต่อต้านและกำลังเสริมจากนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่ส่งกำลังเสริมทางอากาศเข้าช่วยเหลือพวกเขา
ขณะเดียวกัน Garrick และ Price ก็ได้เบาะแสของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมที่ถนน Piccadilly เป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายชายหญิงหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพักแห่งหนึ่งในเมือง Camden ซึ่งทั้ง Garrick และ Price ก็รวมทีมหน่วย SAS เข้าพื้นที่ทันที
แม้จะมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการยิงปะทะ แต่ข้อมูลที่ได้จากบ้านพักแห่งนี้นั้นเสมือนได้พบเหมืองทองคำ พวกเขาทราบได้ทันทีว่า Wolf ผู้นำของเหล่าผู้ก่อการร้าย Al-Qatala นั้นกบดานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ Urzikstan พร้อมกับกองกำลังของเขา
Alex ได้ร่วมมือกับหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐที่นำโดยจ่า Griggs หัวหน้าทีม Demon Dogs ในภารกิจครั้งนี้ ซึ่งพวก Al-Qatala วางกองกำลังและกับดักเอาไว้ทั่วบริเวณ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของทั้งสองฝ่าย ทำให้สามารถเข้าถึงตัวของ Wolf ได้สำเร็จ และควบคุมตัวมายังสถานทูตอเมริกาได้สำเร็จ
เรื่องราวไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะ Wolf ไม่ยอมบอกว่าอาวุธเคมีที่ถูกขโมยไปนั้นอยู่ที่ไหน และเหล่าผู้ก่อการร้าย Al-Qatala ได้แทรกซึมมากับชาวบ้านที่ประท้วงการควบคุมตัวของ Wolf อันเป็นที่รักของพวกเขา จนเกิดเป็นการจลาจลหน้าสถานทูต ซึ่งประจวบเหมาะกับที่ผู้กอง Price และ Garrick เดินทางมาถึงพอดี แต่ถูกกองกำลัง Al-Qatala ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้นำของพวกเขายิงสกัดเอาไว้
แม้จะรอดจากเฮลิคอปเตอร์ตกได้ แต่กองกำลังของพวก Al-Qatala นั้นมีจำนวนมหาศาลและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเข้าถึงตัว Wolf ทำให้ทีม SAS ต้องพบกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส แถมรองผู้นำของกลุ่มอย่าง “The Butcher” ก็แสดงความเหี้ยมโหดด้วยการยิงคนบริสุทธิ์รวมไปถึงเด็กต่อหน้าต่อตาพวกเขาเพื่อยั่วให้เกิดการโมโห(ตรงจุดนี้ผู้เล่นสามารถเลือกเปิดประตูกระจกเพื่อเข้าไปขัดขวางได้ แต่จะถูกยิงตายและ Game Over ทันที)
แม้ Garrick จะโกรธมากแค่ไหน แต่ Price ก็ยังคงเตือนสติให้จดจ่ออยู่กับภารกิจต่อไป
“เฮ้ เราจับมันได้แน่ ทดเอาไว้ในใจก่อน”
หลังจากไปถึงจุดที่กลุ่มของ Alex อยู่ได้สำเร็จ พวกเขาต้องช่วยเหลือผู้ช่วยของท่านทูตเพื่อนำคีย์การ์ดมาเปิดประตูฉุกเฉินตรงลานจอดรถออกไปยังเรือนรับรองของสถานทูตเพื่อเตรียมการหนี แต่กลุ่มผู้ก่อการร้าย Al-Qatala ส่งกองกำลังมาอย่างไม่หยุดด้วยยุทธวิธีแบบกองโจร แต่แม้จะต้านทานการบุกของพวกมันได้สำเร็จ Wolf ก็ยังคงหลบหนีไปได้จากการระเบิดกำแพงในห้องขังพาตัวเขาออกไป
อดีตอันโหดร้าย
Alex กับ Farah กลับมารวมกำลังกับหน่วยต่อต้าน ซึ่งเธอรู้ว่า Wolf จะหนีไปทาง Tariq Almawt หรือถนนแห่งความตาย ซึ่งพวกเขาจะไปตรึงกำลังรอขบวนของ Al-Qatala ในที่แห่งนั้น
แม้ในช่วงแรกการซุ่มโจมตีจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นเมื่อกองกำลังของรัสเซียเคลื่อนขบวนผ่านถนนเส้นนี้ ทำให้เกิดการปะทะกับหน่วยต่อต้าน แต่ด้วยจำนวนที่มากกว่าทำให้พวกเขาต้องล่าถอย แต่ Hadir น้องชายของ Farah ไม่ยอมแพ้ เรียกให้ Alex ใช้อาวุธลับที่ซ่อนเอาไว้ท้ายรถบรรทุก นั่นก็คือแก๊สพิษ Chlorine Gas ที่หายไปนั่นเอง
ความรุนแรงของแก๊สพิษนั้นมีสูงมาก ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างได้รับผลกระทบทั้งหมด Farah ที่ทั้งโกรธและงุนงงต่อว่าน้องชายของตนก่อนที่จะสลบไป และ Hadir ก็สารภาพกับ Alex ว่า เขาคือผู้ที่ขโมยแก๊สพิษตัวนี้ออกมาในวันนั้นเอง พร้อมกับย้ำว่า สิ่งที่เขาทำนั้นก็เพื่อช่วยเหลือกลุ่มต่อต้าน ก่อนฝากฝังชีวิตของพี่สาวไว้กับ Alex ก่อนที่จะหลบหนีไป
Farah ฝันถึงอดีตอันโหดร้ายที่ได้เจอในวัยเด็กเมื่อ 20 ปีก่อน กองกำลังรัสเซียได้บุกเข้ามาในเมืองของ Urzikstan และทำการสังหารทุกคนในเมือง ไม่ว่าจะเป็นยิงระเบิดเข้ามา ส่งกองกำลังเข้ายึดครอง และใช้แก๊สพิษ Chlorine Gas ทำให้ชาวเมืองหมดสติก่อนจะฆ่าทิ้งทีละคนอย่างโหดเหี้ยม รวมไปถึงพ่อแม่ของเธอที่ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้อีกด้วย
และแม้ทั้ง Farah และ Hadir จะหนีมาได้ แต่ก็ยังถูกกองกำลังของ Bakov จับตัวไปได้อยู่ดี ซึ่งนั่นก็กลายเป็นความแค้นอันยาวนานของพี่น้อง Karim และกองกำลังรัสเซียนับตั้งแต่นั้น
Farah ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับความโกรธแค้น ทำให้เธอตัดสินใจตัดพี่ตัดน้อง เข้าร่วมกองกำลังของ SAS และ CIA ไปลากตัว Hadir กลับมาเค้นความจริงในเรื่องนี้ ซึ่งก็พบว่า Hadir ได้แอบติดต่อกับกลุ่ม Al-Qatala อย่างลับ ๆ เพื่อหวังผลบางอย่างที่เมือง Takkari ซึ่ง Price และ Alex ก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายทันที
แม้พวกเขาจะไม่เจอตัว Hadir แต่ก็สามารถปลิดชีพของ Wolf ได้สำเร็จก่อนที่เขาจะระเบิดตัวเองให้ทุกคนตายตกตามกันไป
“คุณไปเรียนมาจากไหนเนี่ย?” Alex ถาม Farah ด้วยความฉงน
“ประสบการณ์สอนมาน่ะ”
ตามล่านักเชือด
แม้ภารกิจจะประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังเหลือตัวการคนอื่น ๆ อีก และที่สำคัญคือกองกำลังต่อต้านของ Farah ถูกหมายหัวเป็นผู้ก่อการร้ายของทางสหรัฐอเมริกาไปแล้วเพราะสิ่งที่ Hadir ทำเอาไว้ เรื่องนี้ทำให้ Alex โมโหมากจนขอถอนตัวจากทีมไปเข้าร่วมกับกองกำลังต่อต้าน แต่ทาง SAS ก็สัญญาว่าหากมีอะไรให้ช่วยเหลือก็พร้อมที่จะมาทันที
Farah คิดย้อนไปในอดีตอีกครั้งเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งคราวนี้เธอกับ Hadir ถูกคุมตัวในเรือนจำและโรงงานผลิตแก๊สพิษของนายพล Victor Barkov และนำไปทรมานเพื่อเค้นข้อมูลตามหาตัวผู้นำกองกำลังต่อต้านที่ชื่อว่า Karim (ซึ่งตอบอะไรไปก็มีผลเหมือนกันหมด) รวมไปถึงเชื่อว่าเธอและน้องชายเอากุญแจดอกสำคัญไปจากเขาด้วย
ในขณะเดียวกัน มีผู้บุกรุกเข้ามาที่เรือนจำแห่งนี้พอดี Farah ที่เตรียมพร้อมจะหนีอยู่แล้วก็สามารถหาทางออกมาได้สำเร็จ พร้อมกับปลดปล่อยเหล่านักโทษออกมา และกุญแจดอกที่ Barkov ตามหาก็คือกุญแจตู้เก็บอาวุธของพวกรัสเซียนั่นเอง ซึ่งเธอและเหล่านักโทษก็ได้รับความช่วยเหลือจาก Price ที่มียศเป็นผู้หมวดในตอนนั้นและสมาชิกทีม SAS ช่วยเหลืออีกแรงหนึ่ง กลายเป็นคนรู้จักกันนับตั้งแต่นั้น
หลังจบฉากย้อนอดีต Price ก็มาพูดคุยกับ Laswell เพื่อหารือถึงสิ่งที่จะทำต่อไป ซึ่งสิ่งที่เธอกังวลก็คืออาจมีการก่อการร้ายในกรุง Moscow ด้วยการใช้แก๊สพิษอีกครั้งเหมือนใน London เกิดขึ้น Price จึงอาสารับงานนี้และเดินทางไปยัง St. Petersburg พร้อมกับ Garrick ไปพบกับสหายเก่า Nikolai ในการตามหาเหล่าผู้ก่อการร้ายที่นำโดย Butcher และแฝงตัวอยู่ในเมืองแห่งนี้ให้เจอ
แม้แผนการพรางตัวจะแตก แต่พวกเขาก็สามารถจับ The Butcher มาแบบเป็น ๆ เพื่อเค้นความลับได้สำเร็จ แต่แม้จะทรมานหรือซ้อมจนอ่วมแค่ไหน Butcher ก็ไม่ปริปาก จน Price ต้องใช้ไม้ตายสุดท้าย คือการให้ Nikolai พาตัวลูกและเมียของ Butcher มาขู่เอาชีวิต(ก่อนที่การสอบปากคำครั้งสุดท้ายจะเริ่มขึ้น Price จะเฝ้าอยู่หน้าห้องทรมาน พร้อมถาม Garrick ว่าพร้อมจะเข้ามามีส่วนร่วมหรือไม่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นว่าจะเลือกแบบไหน แต่ถ้าเลือกยิงผู้บริสุทธิ์จะ Game Over ทันที)
ไม่ว่าอย่างไร ท้ายที่สุดเราก็ได้รู้ความลับสุดท้ายว่า Hadir และแก๊สพิษจะอยู่ที่ Karetka Theater แหล่งกบดานของนายพล Barkov ซึ่งเป็นเป้าหมายของสองพี่น้องมาโดยตลอด ทั้ง Price และ Garrick จะรีบรุดหน้าไปที่นั่นทันที พร้อมกับทิ้ง The Butcher และครอบครัว พร้อมกับแก๊สพิษที่เตรียมใช้ก่อวินาศกรรมใน Moscow เอาไว้ให้ด้วย
ระหว่างทาง Garrick ยังคงมีความคิดที่สับสนอยู่ในใจ ว่าสิ่งที่ตนเองทำลงไปนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ Price ก็พูดเตือนสติเขา เพื่อให้ภารกิจสำเร็จ
“เจ้านาย นี่พวกเราทำบ้าอะไรกันอยู่ครับ” Garrick ถามออกมาจากใจจริง “ก็งานเก็บกวาดไงล่ะ” Price ตอบ “ด้วยเด็กและผู้หญิงเหรอครั..”
“พวกนั้นคือข้อต่อรอง”
“แต่พวกเขาเป็นตัวประกันนะครับ” Garrick เถียงอย่างเผ็ดร้อน
“ถ้านายถอดถุงมือออกมาแล้ว ยังไงมือก็ต้องเปื้อนเลือด Kyle มันเป็นแบบนี้” Price ตอบ Garrick อย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“แล้วเราจะขีดเส้นคั่นไว้ตรงไหนครับท่าน?” Garrick ถามต่อแม้จะไม่เชื่อหูตัวเองนัก
“เราจะขีดเส้นไว้ตอนไหนก็ได้ ตราบที่เราต้องการ จ่า” Price ตอบ “หากวันนี้จบลง ใครบางคนอาจทำให้ศัตรูของเรากลัวเกรงต่อความมืดได้เหมือนกัน”
“พวกเราแปดเปื้อน และโลกนี้ยังคงสะอาดเอี่ยม นั่นแหละคือภารกิจของเรา” Price พูด “ถ้าตอนนี้นายยังสองจิตสองใจอยู่ ฉันก็จะทำภารกิจนี้คนเดียว”
“ไม่ครับ ไม่มีการสองจิตสองใจแล้วครับ” Garrick ตอบอย่างเสียไม่ได้
“ดี” Price ตอบอย่างร่าเริง “งั้นไปหา Hadir ก่อนที่มันจะฆ่า Barkov กัน”
ดิ่งสู่ความมืด
Price และ Garrick ลอบเข้ามายังเมือง Baurci ของประเทศ Maldova ที่ซึ่ง hardi นำกองกำลัง Al-Qatala เข้ามาตามหาตัว Barkov ซึ่งพวกมันจับตัวประกันที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้เอาไว้ และเป็นสมาชิกครอบครัวของ Barkov อีกด้วย แต่ท้ายที่สุด พวกเขาก็พบ Hadir ที่อยู่ในห้องทำงาน ซึ่งแม้พวกเขาจะไม่เจอนายพล Barkov แต่ Hadir ก็รีบเจรจา ว่าเจอตำแหน่งที่ตั้งของโรงงานผลิตแก๊สพิษ Chlorine Gas ของนายพล Barkov แล้วในประเทศ Georgia แต่ยังไม่ได้ต่อรองอะไร กองกำลังของ Barkov ก็เข้าสู่พื้นที่ พร้อมฆ่าผู้บุกรุกทุกคนทันที
Price และ Garrick ไม่มีทางเลือกมากนัก ทำให้เขาต้องพา Hadir หลบหนีไปในทางลับตรงท่อระบายน้ำด้านนอกคฤหาสน์ได้อย่างฉิวเฉียด แต่ในขณะที่กำลังคุมตัว hadir ไปส่งที่ฐานนั้น Laswell ก็เข้ามาหาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากทางการรัสเซียต้องการตัว Hadir เพราะเขาและกลุ่ม Al-Qatala สร้างความเสียหายไว้มาก แม้ Price จะมีท่าทีไม่ยอมรับ แต่ก็ต้องยอมส่งตัวให้แต่โดยดี
แม้ Laswell จะรู้แผนของ Price ว่าจะไปบุกถล่มโรงงานผลิตสารพิษของ Barkov และเสนอตัวเข้าช่วยเหลือ แต่ Price ไม่สนใจ กลับกันเขาได้ไปขอความร่วมมือกับทางกลุ่มกองกำลังต่อต้านของ Farah Karim ที่มี Alex อยู่ช่วยเหลือด้วยแทน เพื่อการล้างแค้นและจบเรื่องราวทั้งหมดนี้ลง ซึ่งเธอก็ตอบตกลงช่วยเหลือผู้กอง Price ด้วยเงื่อนไขพิเศษคือ ถ้า Barkov อยู่ที่นั่น เธอจะเป็นผู้ลงมือปลิดชีพเขาเอง
“Hadir นี่บ้าจริง ๆ เลยนะ”
“ช่าย แต่พวกเราทุกคนก็บ้าอยู่หน่อย ๆ แล้วไม่ใช่หรือ?”
Price และเหล่าสมาชิกร่วมทีมนำกองกำลังเข้าบุกโรงงานผลิตสารพิษของ Barkov ใน Georgia อย่างเต็มอัตราศึก จนสามารถบุกเข้าสู่หน้าโรงงานได้สำเร็จ Nikolai ได้เตรียมระเบิด C4 และอุปกรณ์จุดชนวนให้ทีมของ Farah และ Price ได้ใช้งานพร้อมสรรพ แต่ในระหว่างการบุกนั้น ตัวจุดชนวนของ Alex เกิดความเสียหายขึ้นจนไม่สามารถจุดระเบิดได้
Farrah ที่รู้เรื่องนี้จาก Alex เตรียมตัดสินใจจะสละชีพเพื่อทำลายโรงงานแห่งนี้จากด้านในเตาหลอม แต่ Alex ได้พูดโน้มน้าวให้เขาเป็นผู้เสียสละแทน เพราะเธอคือผู้นำของกลุ่มต่อต้านที่ต้องนำพา Urzikstan ไปสู่อิสรภาพ และเธอไม่สามารถเสียสละโดยที่ทิ้งผู้คนเหล่านี้ไปได้
“คุณคือนักรบเพื่ออิสรภาพ Alex”
“คุณเองก็คือคนที่เกิดมาเป็นผู้นำ Farah สั่งการมาได้เลย”
“ลุยเลย”
“ครับผม”
ส่วนทางฝั่งของ Price และ Garrick เองก็สามารถเข้าไปวางระเบิดได้สำเร็จ แต่ขณะเดียวกัน นายพล Barkov เองก็สามารถขึ้นเฮลิคอปเตอร์หนีออกมาจากโรงงานได้ ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ Farah ได้แอบตามขึ้นมาบนเครื่องที่เขาอยู่ด้วย
และเธอก็ทำตามที่กล่าวไว้กับผู้กอง Price นั่นก็คือการปลิดชีพ Barkov อย่างสะใจนั่นเอง
แม้ Alex จะต้องเสียสละชีวิตของตน แต่ตัวการอย่างนายพล Barkov และโรงงานผลิตสารพิษร้ายก็ล่มสลายไปอย่างที่ทุกคนต้องการ
แต่สงครามที่แท้จริงนั้นกำลังจะเริ่มต้น และยังไม่จบลงง่าย ๆ แน่นอน…
รวมทีมยอดคนต่อต้านก่อการร้าย
Laswell และ Price นัดเจอกันในสถานที่แห่งหนึ่ง เธอได้ยื่นเอกสารที่นายพล Shepherd ให้กับ Price เพื่อรวมทีมก่อตั้งหน่วยพิเศษเพื่อการต่อต้านการก่อการร้ายสากล โดยมีเขาเป็นผู้นำทีม Laswell ยังบอกเขาอีกว่า Victor ลูกชายของ Zakhaev ต้องการเข้ามามีอิทธิพลแทน Barkov ที่ตายไปแล้วในรัสเซีย ด้วยการเข้าควบคุมกลุ่มผู้คลั่งชาติเพื่อการก่อสงครามครั้งใหม่ และจะเป็นคนเอา Hadir ออกมาจากที่คุมขังเพื่อนำเขามาร่วมทีม
ซึ่ง Price ก็ได้เลือกคนที่เขาต้องตาต้องใจไว้หลายคน เช่น Kyle Garrick หรือ “Gaz” ที่ทุกคนชอบเรียกเขา John MacTavish หรือ “Soap” ที่ชื่อฉายาของเขาเป็นข้อมูลปกปิด และ Simon Riley ผู้ไม่มีใครรู้ที่มาของเขา
“แล้วคุณจะเรียกหน่วยพิเศษนี้ว่าอะไร?” Laswell ถาม Price
“1-4-1”
Extra End Credit
ในสถานที่แห่งหนึ่งที่การรบพุ่งยังคงดำเนินอยู่ ทหารรัสเซียถูกกองกำลังขนาดใหญ่ไม่ทราบฝ่ายบุกโจมตีอย่างไม่ปราณี Price และ Nikolai ได้รับภารกิจจาก Laswell ให้จัดการเรื่องนี้ โดยมีตัวแทนจากรัสเซียคือ Kamarov เข้ามาช่วยเหลือพวกเขาด้วย
ส่วนเนื้อเรื่องหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามต่อได้ในโหมด Spec Ops เร็ว ๆ นี้ครับ..