อย่างที่ทราบกันแล้วว่า Call of Duty ประจำปี 2019 นั้นได้กลับมาเป็นโลกในยุคสงครามปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการก่อการร้ายอีกครั้ง และเพื่อฉลองให้กับโอกาสนี้ ทาง GamingDose จึงขอมาสรุปเนื้อเรื่องในภาค Modern Warfare ทั้งสามภาคให้ทุกคนได้ทราบกันก่อน เพื่ออรรถรสในการเล่นสูงสุดในช่วงปลายปีนี้ครับ
เนื้อเรื่อง Call of Duty 4: Modern Warfare
ปี 2011ได้เกิดสงครามกลางเมืองในรัสเซียระหว่างกลุ่มผู้คลั่งชาติหัวรุนแรงและรัฐบาล ความรุนแรงได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งประเทศ ซึ่งเป้าหมายของเหล่าผู้คลั่งชาติก็คือการการกอบกู้ความรุ่งเรืองของรัสเซียให้กลับคืนมาดั่งในยุคสหภาพโซเวียต และในขณะเดียวกันสถานการณ์ในประเทศแถบตะวันออกกลางก็ไม่สู้ดีนักเช่นกัน เพราะกองกำลังที่นำโดย Al-Asad ที่ได้รวบรวมกำลังในประเทศเล็ก ๆที่ร่ำรวยจากการค้าขายน้ำมัน และก่อการปฏิวัติยึดอำนาจจากประธานาธิบดีของประเทศนั้นเสียเอง ก่อนที่จะประหารชีวิตประธานาธิบดี แล้วออกอากาศไปทั่วโลก
และด้วยการก่อการอย่างอุกอาจเช่นนี้ รวมไปถึงการออกอาการต่อต้านกับประเทศในตะวันตกของ Al-Asad ทางสหรัฐจึงส่งกองกำลังบุกเข้ามาในประเทศ รบพุ่งกันอย่างดุเดือด กลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ระหว่างสองขั้วอำนาจ ซึ่งการบุกเข้าโจมตีของสหรัฐฯที่นำโดยร้อยโท Vasquez ที่ถูกส่งตัวมาจับกุม Al-Asad และหน่วยของเขาก็สามารถเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ที่กระจายสัญญาณปลุกระดมออกไปได้สำเร็จ
สมาชิกใหม่แห่ง SAS
ในขณะเดียวกัน สมาชิกใหม่ของหน่วยรบพิเศษ SAS ของประเทศอังกฤษอย่าง John “Soap” MacTavish ก็เพิ่งได้เข้าประจำการ และได้รับการต้อนรับโดยหัวหน้าทีม ผู้กอง John Price ที่แซวเขาเรื่องชื่อตั้งแต่แรกพบ แต่ด้วยความสามารถอันล้นเหลือ ทำให้ผู้กอง Price นั้นไม่กังขาในเรื่องฝีมือของเขาอีกต่อไป และกลายมาเป็นสมาชิกของทีมอย่างเต็มภาคภูมิ
หน่วย SAS ได้ลอบเข้าไปในเรือสินค้าที่ได้รับรายงานมาว่าจะมีการขนส่งหัวรบนิวเคลียร์ให้กับศัตรู และเป็นงานแรกของ Soap ในฐานะสมาชิกหน่วย ซึ่งทีมสามารถเก็บกู้ตัวจุดชนวนหัวรบนิวเคลียร์ได้สำเร็จ แต่ก่อนที่จะมีการเก็บกู้หัวรบไปนั้น ก็เกิดปัญหาขึ้น เพราะเฮลิคอปเตอร์ขนส่งทีมได้รับสัญญาณมาว่าจะมีการทิ้งระเบิดจมเรือขนส่งลำนี้ ทำให้หน่วย SAS ต้องรีบหนีตายออกมาจากเรือขนส่งสินค้า แม้หัวรบนิวเคลียร์จะถูกยิงจนจมลงสู่ทะเล แต่พวกเขาก็ได้ตัวจุดชนวนมา และก็มากพอที่จะสืบหาได้ว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ภารกิจต่อมาของหน่วย SAS คือการออกตามหาและช่วยเหลือพันธมิตรที่เป็นสายข้อมูลให้กับทางกองทัพในประเทศรัสเซีย โดยมีสายลับที่ชื่อว่า Nikolai ที่ลักลอบเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้รักชาติหัวรุนแรง ก่อนที่จะถูกจับได้ Price และลูกทีมก็ได้เข้าไปช่วยเหลือ Nikolai ได้สำเร็จ แต่ก็ถูกขัดขวางด้วยกองกำลังของข้าศึกที่ขนอาวุธมาเต็มพิกัด แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพอากาศสหรัฐที่ส่งเครื่องบินติดอาวุธหนัก AC-130 เข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์เอาไว้ได้
หายนะมาเยือน
การรบพุ่งของเหล่ากองทัพสหรัฐอเมริกายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยในเกมเราจะได้เห็นมุมมองจากจ่าสิบเอก Paul Jackson และเหล่ากองทัพนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกาต่อสู้กับข้าศึกอย่างห้าวหาญ และทำภารกิจในการตามล่าตัว Al-Asad ไปด้วย แต่แล้วในระหว่างที่ถอนกำลังกลับฐานทัพ จรวดนิวเคลียร์ก็ถูกยิงลงมาใส่ในพื้นที่การรบจนหน่วยรบของสหรัฐฯหายไปจนหมด
เหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ลงใจกลางเมืองที่เกิดขึ้นนี้ถูกแพร่ภาพไปทั่วโลก ทำให้หน่วย SAS ต้องรีบรุดหน้าเร่งทำภารกิจตามล่าตัว Al-Asad ให้เจอให้ได้ และในที่สุดพวกเขาก็ทราบว่า Al-Asad นั้นหลบซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมแห่งหนึ่งในอาร์เซอร์ไบจัน หลังจากที่ฟันฝ่ากองกำลังและตามล่าจับตัวมาได้สำเร็จ การสืบสวนแบบถึงลูกคนก็เริ่มขึ้น
แม้จะผ่านไปเป็นเวลานานแต่ Al-Asad ก็ไม่ยอมปริปากว่าใครคือผู้ที่ขายระเบิดนิวเคลียร์และอาวุธต่าง ๆ ให้เขา จนสุดท้ายก็มีโทรศัพท์สายลึกลับโทรเข้ามา ทำให้ผู้กอง Price รู้ทันทีว่าคน ๆ นั้นคือใคร และสังหาร Al-Asad ทิ้ง ซึ่งเขาก็คือ Imran Zakhaev ผู้นำของกลุ่มคลั่งชาติหัวรุนแรง ที่ผู้กอง Price คิดว่ากำจัดเขาไปแล้วเมื่อ 15 ปีก่อนจากการลอบสังหารในเซอร์โนบิล แต่เขาก็รอดมาได้ และกลายเป็นพ่อค้าอาวุธให้กับประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ปิดฉากนักค้าอาวุธ
เมื่อสืบรู้ถึงตัวการและเรื่องราวต่าง ๆ แล้ว หน่วย SAS ก็ได้หลบหนีออกจากฟาร์มที่หลบซ่อนตัวอยู่ออกมาจากการตามล่าของพวกคลั่งชาติ และหลบหนีออกมากับหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐได้สำเร็จ ซึ่งทั้งสองหน่วยก็ได้ร่วมมือกันวางแผนที่จะจับตัวลูกชายของ Zakhaev ที่ชื่อว่า Victor เพื่อเค้นความลับเอาข้อมูลของพ่อของตัวเองออกมา
แต่หลังจากที่การตามล่ามาถึงจุดสิ้นสุด Victor ก็ชิงยิงตัวตายไปเสียก่อนที่จะถูกเค้นความลับ และนั้นก็สร้างความแค้นให้กับผู้เป็นพ่ออย่างมาก แต่กระนั้นหน่วย SAS ก็ยังไม่สิ้นความหวัง และเลือกที่จะเผชิญหน้ากับ Zakhaev ตรง ๆ ที่บริเวณเทือกเขาอัลไตที่หัวรบนิวเคลียร์ถูกเก็บเอาไว้ แต่หลังจากดำเนินภารกิจไปได้ไม่นาน ขีปนาวุธนิวเคลียร์จำนวนสองลูกก็ถูกปล่อยออกมาโดยมีเป้าหมายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และถ้าหากนิวเคลียร์สามารถไปถึงเป้าหมายได้ ก็จะมีคนล้มตายเป็นจำนวนมากกว่า 41 ล้านคน
และด้วยเหตุนี้ทำให้เวลาในการตามล่าตัว Zakheav นั้นน้อยลงไปอย่างมาก หน่วย SAS และเหล่านาวิกโยธินจึงต้องรีบจัดการกับกองกำลังของศัตรูให้เร็วที่สุด และด้วยความร่วมมืออันเข้มแข็ง ทำให้ทั้งสองหน่วยสามารถหยุดการทำงานของขีปนาวุธได้ก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้นได้สำเร็จ
แต่กระนั้น Zakhaev ก็หนีไปได้ Price และ Soap จึงได้ออกตามล่าพวกเขาต่อ แต่ก็ถูกกองกำลังติดอาวุธหนักชุดสุดท้ายขัดขวางเอาไว้ และก่อนที่ทั้งหน่วยจะถูกฆ่าจนหมด ผู้กอง Price ก็ได้ใช้แรงเฮือกสุดท้าย ส่งอาวุธให้กับ Soap ปิดฉากเรื่องราวทั้งหมดของพ่อค้าอาวุธหัวรุนแรงคนนี้ได้สำเร็จ
เนื้อเรื่อง Call of Duty: Modern Warfare 2
เวลาผ่านไป 5 ปีหลังจากที่ Zakhaev ถูกปราบลง สงครามก็ยังคงเกิดขึ้นไม่มีทีท่าจะจะจบสิ้นแม้แต่น้อย เพราะเหล่าผู้คลั่งชาติทั้งหลายต่างก็ยกย่องให้ Zakhaev เป็นวีรบุรุษผู้เสียสละให้กับชาติบ้านเมืองของรัสเซีย กลายเป็นการต่อต้านสหรัฐเมริกาอย่างเต็มที่ และเหล่าผู้คลั่งชาติของรัสเซียก็ยังคงสานงานของตัวเองต่อไป โดยมี Vladimir Makarov อดีตลูกน้องคนสนิทของ Zakhaev เป็นผู้วางแผนก่อการในครั้งนี้
ปี 2016 พลทหารหน้าใหม่แห่งกองทัพบกสหรัฐนามว่า Joseph Allen ที่ได้เข้าประจำการจากผลงานอันยอดเยี่ยมในการรบที่ประเทศอัฟกานิสถาน จนไปถูกตาต้องใจนายพล Shepherd แห่งกองทัพบก และได้ดึงตัวเขามาปฏิบัติภารกิจแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มของ Makarov และในเวลาเดียวกันนั้นเอง Soap ที่ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้กองของหน่วย Task Force 141 ก็ได้นำทีมสมาชิกใหม่คือ จ่า Gary Sanderson หรือ Roach ทำภารกิจเก็บกู้ซากดาวเทียมของสหรัฐที่มีอุปกรณ์ ACS Module อยู่ภายใน
No Russian
Allen ที่ทำภารกิจแทรกซึมเข้าไปสู่กลุ่มของพวก Makarov ให้กับทาง CIA นั้นต้องเจอกับภารกิจที่ยากลำบากในเรื่องของจิตใจ ด้วยการร่วมมือกับกองทัพของ Makarov สังหารหมู่ทุกคนในสนามบินแห่งหนึ่งในรัสเซีย เพื่อป้ายสีให้กับสหรัฐอเมริกาว่าเป็นผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้ หลังเสร็จภารกิจและกำลังจะหลบหนี Makarov ก็ได้สังหาร Allen ทิ้ง โดยที่รู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่า เขาคือสายลับของ CIA และทำให้แผนการป้ายสีเสร็จสมบรูณ์ไปด้วย
หลังจากเหตุการณ์สังหารหมู่ในครั้งนี้ทำให้รัฐบาลรัสเซียโกรธแค้นมาก และส่งกองกำลังทั้งหมดบุกเข้าโจมตีสหรัฐอเมริกาทันที และนั่นก็ทำให้สถานที่สำคัญหลายแห่งถูกทำลายจนย่อยยับ สร้างความเดือดร้อนไปทั่วทั้งประเทศจนยากจะแก้ไข
ขณะเดียวกันนั้นเอง หน่วย Task Force 141 ของ Soap ก็ได้ทำภารกิจในการสืบหาตัวของ Makarov จากสายข่าวที่เชื่อว่ามีข้อมูลของเขาอยู่อย่างไม่ลดละในเมืองริโอ เดอ จานีโร ประเทศบราซิล และในที่สุดพวกเขาก็สามารถควบคุมตัว Alexandro Rojas ที่เคยร่วมงานกับ Makarov ไว้ได้สำเร็จ และจากการสืบสวนอันดุดันก็ทำให้พวกเขาได้รับรู้ว่า การที่จะล่อตัว Makarov ออกมาได้นั้น จำเป็นต้องมีศัตรูคู่อาฆาตของเขาออกมาเป็นเหยื่อล่อ ซึ่งบุคคลที่ว่านี้ถูกคุมขังอยู่ในป้อมสุดโฉดนามว่า Gulag ในรัสเซีย
Price หวนคืน
ด้วยความช่วยเหลือของกองทัพสหรัฐที่หยิบยื่นให้กับหน่วย Task Force 141 ทำให้พวกเขาเข้าถึงตัวศัตรูของ Makarov คนที่ว่าได้สำเร็จ และก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น John Price อดีตหัวหน้าทีม SAS และนายเก่าของ Soap ที่ทำภารกิจปราบปราม Zakhaev ได้สำเร็จมาก่อนนั่นเอง
Price ตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือทีม Task Force 141 แต่จะไม่ขอเข้าร่วมกับสหรัฐฯในการร่วมรบในสงครามระหว่างรัสเซีย ซึ่งเขาก็ได้ร่วมมือกับทีม Task Force 141 ในการบุกถล่มท่าเรือของพวกรัสเซีย และ Price ก็เป็นผู้ที่ยิงขีปนาวุธขึ้นฟ้าไปยังบริเวณเหนือชั้นบรรยากาศของกรุงวอชิงตัน เพื่อปล่อยระเบิดพลังสนามแม่เหล็กหรือ EMP หยุดการทำงานของอากาศยานในบริเวณนั้นทั้งหมด เปิดโอกาสให้หน่วยทหารของสหรัฐเข้ายุดเมืองและทำเนียบขาวกลับคืนมาได้สำเร็จ
หลังจากเสร็จภารกิจ หน่วย Task Force 141 ก็ได้วางแผนในการตามล่าตัว Makarov กันต่อ โดยตัดสินใจที่จะแบ่งทีมออกเป็นสองทีม โดย Roach และสมาชิกมือดีอีกคนคือ Ghost จะเข้าโจมตีในบ้านพักฉุกเฉินที่เทือกเขาคอเคซัส และที่อัฟกานิสถาน โดยมี Price และ Soap เป็นผู้ปฏิบัติการ
การหักหลัง
ภารกิจในคอเคซัสดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่แล้วนายพล Shepherd ที่มารอรับพวกเขากลับฐานนั้นก็จัดการฆ่าทั้ง Roach และ Ghost อย่างเลือดเย็น และชิงข้อมูลทุกอย่างที่ทั้งสองคนได้มา เพื่อที่จะได้มีเหตุผลในการควบคุมกองทัพบุกโจมตีรัสเซียต่อไปและแก้แค้นให้กับเหล่าทหารทั้งหลายที่ต้องสละชีวิตไปในสงครามครั้งนี้ และกลายเป็นวีรบุรุษที่ทุกคนต้องจดจำเอาไว้
แน่นอนว่าการสูญเสียในครั้งนี้สร้างความโกรธแค้นให้กับ Price และ Soap อย่างมากที่ต้องเสียเพื่อนร่วมทีมอันเป็นที่รักไปจากการหักหลังของ Shepherd และทำให้ Price ต้องการที่ล้างแค้นทันที ซึ่งในระหว่างภารกิจนั้นเอง Price ได้ติดต่อกับ Makarov เพื่อสืบหาที่อยู่ของ Shepherd โดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อที่ Price จะได้ล้างแค้น และซื้อเวลาให้กับ Makarov เองที่จะไม่ถูกกำจัดไปด้วยในตอนนี้
และในที่สุด Price และ Soap ก็ได้เจอกับ Shepherd ที่ฐานทัพลับในหุบเขาแห่งหนึ่งของอัพกานิสถานที่มีชื่อเรียกว่า Site Hotel Bravo หลังจากการไล่ล่าอย่างยาวนาน ในที่สุด Price และ Soap ก็เจอตัว Shepherd และจัดการแก้แค้นให้กับลูกทีมของพวกเขาได้สำเร็จ แต่เนื่องจาก Soap ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกแทงเข้าที่ปอด ทำให้ทั้ง Price และ Nikolai สหายเก่าที่คอยส่งข้อมูลให้พาตัวของเขาหลบหนีมาทางเฮลิคอปเตอร์ได้สำเร็จ
เนื้อเรื่อง Call of Duty: Modern Warfare 3
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาหลังจากที่ Price และ Soap รอดมาจากการต่อสู้ระหว่าง Shepherd โดยที่ในตอนนี้ Soap บาดเจ็บสาหัสจนเจียนไปเจียนอยู่ และหลบมารักษาตัวในบ้านพักฉุกเฉินที่เขาหิมาลัย พร้อมกับที่หน่วย Task Force 141 ถูกขึ้นบัญชีดำ กลายเป็นผู้ก่อการร้ายสากลไปเสียแล้ว
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น หลังจากที่พวกเขาทั้งสองจอดพักรักษาตัวกันได้ไม่นาน พวกเขาก็ถูกกองกำลังของ Makarov ตามล่าต่ออีก แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก Yuri ลูกมือของ Nikolai ที่เป็นอดีตหน่วย Spetsnaz ในการหลบหนีออกมาและช่วยตามล่ากลุ่มผู้คลั่งชาติที่เป็นตัวการของเรื่องราวทั้งหมดนี้
ขีดสุดของสงคราม
ขณะเดียวกันสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซียก็ดำเนินมาถึงจุดแตกหัก ซึ่งในเวลานี้ทางกองทัพสหรัฐได้รวบรวมกำลังเพื่อจัดการกับกองทัพรัสเซียที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด โดยทางสหรัฐได้จัดการกับกองทัพรัสเซียในนิวยอร์กด้วยแผนการทำลายเสารบกวนสัญญาณดาวเทียมบนตึกแมนฮัตตัน แล้วใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดมาจัดการกับกองทัพที่เหลืออยู่ทั้งหมดจนสิ้นซาก แล้วตีซ้ำจนกองทัพรัสเซียต้องถอยร่นออกจากเมืองนิวยอร์กไปแบบไม่เป็นขบวน
สองเดือนต่อมา Boris Vorshevsky ประธานาธิบดีของรัสเซีย มีความต้องการที่จะร่างสัญญาสงบศึกกับทางสหรัฐที่เมืองฮัมบรูก ประเทศเยอรมัน แต่ก็ถูกกองกำลังของ Makarov ที่ทราบข่าวนี้เข้ายึดเครื่องบินของประธานาธิบดีเสียก่อน พร้อมกับเค้นข้อมูลยึดเอารหัสยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ชุดใหม่ไปเพื่อนำไปใช้ถล่มสหรัฐอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง
ความวุ่นวายทั่วยุโรป
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หน่วย Task Force 141 ที่ประกอบไปด้วยสามสหาย Price, Soap และ Yuri ที่กำลังสืบหาต้นตอของการส่งยุทโธปกรณ์และอาวุธเคมีไปยังประเทศต่าง ๆ จากประเทศเซอร์ราลีโอน ทวีปแอฟริกา โดยมีบริษัท Fregata เป็นผู้จัดการ แต่แม้พวกเขาจะไปถึงที่หมาย แต่ก็ช้าเกินไป เพราะของทั้งหมดได้ถูกส่งออกไปจนหมดแล้ว
ขณะเดียวกันก็มีรายงานเข้ามาว่า มีรถส่งสินค้าของบริษัท Fregata หลุดเข้ามาที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งก็ได้เจ้าหน้าที่จาก MI5 ในการจัดการเรื่องนี้ แต่หลังจากที่หน่วย MI5 ได้จัดการกับกองทัพผู้ก่อการร้ายแล้ว รถขนส่งสินค้าทั้งหมดที่วิ่งกระจายตัวอยู่ลอนดอนก็เกิดการระเบิดขึ้นและปล่อยแก็สพิษคร่าชีวิตผู้คนในกรุงลอนดอนเป็นจำนวนมาก
ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่ในลอนดอนเท่านั้น หลายประเทศในยุโรปก็ถูกผู้ก่อการร้ายเล่นงานด้วยอาวุธเคมีในเมืองที่ประชากรผู้บริสุทธิ์อาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงยังถูกกองกำลังใต้ดินของรัสเซียบุกโจมตีด้วยเช่นกัน แต่โชคดีที่ในเมืองฮัมบรูก ที่เดิมทีเป็นสถานที่ในการเซ็นสัญญาสงบศึกและถูกกองกำลังของรัสเซียบุกโจมตี โดยมีรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกจำกุมตัวไว้ แต่ก็ได้หน่วย Delta Force เข้ามาช่วยเหลือไว้ได้สำเร็จ
ความแค้นและการสูญเสีย
Price และหน่วย Task Force 141 ที่ยังเหลืออยู่ได้ติดต่อไปยังสหายเก่าของเขา ผู้กอง MacMillan ผู้ที่เคยร่วมภารกิจลอบสังหาร Zakheav เมื่อหลายปีก่อน ที่ในตอนนี้กลายเป็นผู้บัญชาการทหารไปแล้ว เพื่อที่จะขอข้อมูลเกี่ยวกับตัว Makarov ซึ่งเขาก็ได้ช่วยเหลือในการส่งข้อมูลของเส้นทางการส่งอาวุธเคมี ที่ดูแลโดย Waraabe อาชญากรสงครามตัวเอ้แห่งโซมาเลีย
หลังจากที่ฝ่ากองทัพจำนวนมหาศาลของ Waraabe เข้ามาได้สำเร็จ Price ก็เริ่มการสืบสวนแบบถึงลูกถึงคนทันที และก็ได้รู้ว่า Volk เป็นคนกลางที่ส่งข้อมูลในการขนส่งมาให้ และเขาน่าจะเป็นคนที่ทำให้ทีม Task Force 141 สาวไปถึงตัว Makarov ได้ ซึ่ง Volk นั้นอยู่ที่กรุงปารีสในฝรั่งเศสนั่นเอง
โดยไม่รอช้า ทีม Task Force 141 ก็ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากทีม GIGN เพื่อช่วยเหลือในภารกิจครั้งนี้ ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับที่ทางสหรัฐได้ส่งทีมเข้ามาปฏิบัติภารกิจในการชิงตัว Volk ที่กรุงปารีสด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เป็นทางสหรัฐฯ สามารถจับตัว Volk เอาไว้ได้สำเร็จ
จ่า Sandman ได้ส่งข้อมูลที่ได้จาก Volk ให้กับ Price ซึ่งเป้าหมายใหม่ของพวกเขาก็คือกรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่เชื่อว่าเหล่าพรรคพวกของ Makarov จะเข้ามาประชุมกันที่นี่ แต่สุดท้ายมันก็เป็นกับดัก Mararov ไม่ปรากฏตัว แถมตึกที่เป็นจุดนัดพบยังถูกวางระเบิดเอาไว้ และ Soap ก็บาดเจ็บสาหัสเจียนตายอีกด้วย
Price และ Yuri พาร่างของ Soap มารักษา แต่ก็ไม่ทันการ ซึ่งก่อนตาย Soap ก็ได้เผยความลับของ Yuri ว่า เขานั้นรู้จักกับ Makarov ก่อนที่จะสิ้นใจไป
แรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลัง
ด้วยความเศร้าและโกรธแค้นอย่างขีดสุด Price จึงเค้นข้อมูลจากปากของ Yuri ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ซึ่งก็เฉลยว่าเขากับ Makarov นั้นรู้จักกันมานานแล้ว และยังเผยว่า Makarov นั้นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวเลวร้ายต่าง ๆ มากมายเพราะความลุ่มหลงในอำนาจ แม้แต่การปล่อยขีปนาวุธลงในสนามรบจนทำให้ทหารอเมริกันตายไปหลายคน แม้เขาจะถูกยิงในเหตุการณ์ที่สนามบินประเทศรัสเซีย แต่เขาก็ดวงแข็งรอดมาได้ และสาบานว่าจะล่าล้างแค้น Makarov ให้จงได้
การไล่ล่า Makarov ของ Price และ Yuri ยังดำเนินต่อไป ด้วยความช่วยเหลือของ ผบ. MacMillan ที่ให้ข้อมูลแก่พวกเขาว่า ฐานบัญชาการของ Makarov นั้นอยู่ไม่ไกลจากกรุงปราก แม้จะไม่เจอตัว Makarov แต่พวกเขาก็ได้ตำแหน่งของลูกสาวประธานาธิบดีของรัสเซียที่อยู่ในกรุงเบอร์ลินมาแทน เขาจึงได้ประสานงานไปยังกองทัพสหรัฐฯ เพื่อทำภารกิจชิงตัวเธอคืนมา แต่ก็ไม่สำเร็จ
หลังจากเวลาผ่านไปสองวัน หน่วย Delta Force และ Task Force 141 ก็ได้ร่วมมือรวมกองกำลังเพื่อบุกไปยังเหมืองเพชรแห่งหนึ่งในไซบีเรีย ที่ประธานาธิบดีและบุตรสาวของเขาถูกจับตัวเอาไว้ และภารกิจช่วยเหลือบุคคลทั้งสองก็ทำได้สำเร็จ และหลังจากนั้นไม่นาน สหรัฐอเมริกาและรัสเซียก็เซ็นสัญญาสงบศึกร่วมกัน
กระนั้นตัวการในเรื่องนี้อย่าง Makarov ก็ยังไม่ได้ถูกกำจัดไปแต่อย่างใด แต่ทั้ง Price และ Yuri ก็สามารถตามรอยค้นหา Makarov จนเจอที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเพนเนซูล่า อาราเบียน ซึ่งทั้งสองคนก็ใช้ทุกอย่างที่มีทั้งอาวุธและเกราะหนักในการบุกทะลวงเข้าไปจนถึงตัวของ Makarov
และด้วยความพยายามอย่างที่สุด ในที่สุด Price ก็สามารถจัดการปิดบัญชีแค้นได้สำเร็จอย่างสะใจ แม้จะต้องสูญเสีย Yuri ไปในตอนท้ายก็ตาม หลังจากจบเรื่องราวทั้งหมดลง Price ที่บาดเจ็บไปทั้งตัว ก็ลุกขึ้นมาจุดซีการ์สูบ ซึมซับในรสชาติของการแก้แค้นที่มีให้ต่อสหายร่วมรบที่ผ่านมาทุกคน
ส่วนเรื่องราวใน Call of Duty: Modern Warfare จะเป็นอย่างไรนั้น รอติดตามกันได้ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้กันได้เลยครับ