เปิดให้เล่นกันอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ LoL: Wild Rift แต่เชื่อว่าผู้เล่นหลายตอนนี้ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างประสบปัญหากับการปรับตัว เพราะรูปแบบการเล่นบนมือถือถูกปรับเปลี่ยนไปพอสมควรทั้งความสามารถของตัวละครและไอเทม ดังนั้นวันนี้เราจึงรวบรวมเอาสารพัดความรู้ และเทคนิคในการปรับตัวเพื่อพิชิตชัยชนะใน LoL: Wild Rift
1.ซัพพอร์ตคือตำแหน่งที่ขาดไม่ได้ในเกม
หลากหลายเกมก่อนหน้า เชื่อว่าตำแหน่งซัพพอร์ตเป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยมีใครสนใจจะเล่นสักเท่าใดนัก แต่กับเกมนี้การขาดตำแหน่งซัพพอร์ทอาจเป็นเรื่องเลวร้ายถึงขั้นที่ทำให้ทีมแพ้ได้เลย ปัญหาคือซัพพอร์ทเล่นยังไงถึงจะมีประสิทธิภาพที่สุด ?
อย่างแรกเลยคือตำแหน่งซัพพอร์ตของเกมนี้จะเป็นตำแหน่งที่ต้องประกบคู่กับ Marksman หรือแครี่ประจำทีมตลอดเวลา เพื่อคอยดูแลให้แครี่ไม่ให้ตายหรือตายน้อยที่สุด รวมไปถึงเกมนี้ ตำแหน่งซัพพอร์ตไม่ควรลาสครีปของแครี่ เพราะแครี่จะได้เงินช้า กว่าจะขึ้นไอเทมแต่ละชิ้นได้ เลยเป็นตำแหน่งที่ใจต้องกว้างเสียหน่อย เพราะหน้าที่ฆ่า เก็บ Kill จะไม่ใช่หน้าที่ของเราเลย เราต้องคอยช่วยเหลือสมาชิกในทีมเท่านั้น ทั้งคอยช่วยให้รอด หรือตายแทนก็ต้องทำ
สำหรับตัวละครแชมป์เปี้ยนที่เราเลือกเล่นนั้น มีหลากหลายตัวที่เอามาซัพพอร์ตได้ แต่ผู้เล่นควรศึกษาให้ละเอียด และเข้าใจการทำงานของสกิลต่าง ๆ ก่อน ถึงหยิบมาเล่นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าเป็นมือใหม่ แนะนำให้หยิบตัวละครตามที่ระบบแนะนำว่าเป็นตำแหน่งนั้น ๆ จะช่วยได้มากที่สุด
2.Objective คือตัวช่วยที่สำคัญที่จะทำให้ทีมเราได้เปรียบ
Objective ในเกมก็คือสัตว์ป่าที่เรียกว่า Blue Buff / Red Buff ที่ใช้เพิ่มความสามารถตัวละครที่ครอบครองบัฟเอาไว้ และ Objective ที่ส่งผลต่อทีมโดยรวมอย่าง Rift Herald, Dragon และ Baron Nashor ทั้งสามตัวนี้เป็นสิ่งที่ผู้เล่นในทีมควรช่วยกันสังเกตการณ์และชิงมาจากทีมศัตรูให้ได้ เพื่อความได้เปรียบสูงสุดในการเล่น
- Rift Herald จะมีความสามารถในการเสกมอนสเตอร์ขนาดใหญ่มาช่วยดันเลน และมันสามารถพังป้อมนอกได้อย่างง่ายดาย ช่วยทำให้เกิดความได้เปรียบในการต่อสู้
- Dragon เมื่อสังหารได้จะได้รับบัฟตามธาตุ ที่มีความสามารถแตกต่างกันไปในแต่ละธาตุ
- Baron Nashor เมื่อสังหารจะได้รับบัฟให้เราเทเลพอร์ตกลับบ้านได้ไวขึ้น และเมื่ออยู่ใกล้ครีปจะทำการบัฟครีปของเราให้แข็งแกร่งขึ้น ถือเป็นบัฟที่ช่วยในการจบเกมได้เลย
ส่วน Blue Buff หรือ Red Buff นั้น เป็นบัฟที่ช่วยในการโจมตีของสายประชิดและสายเวทมนต์ ขึ้นอยู่กับว่า ตำแหน่ง Jungle จะครองไว้เอง หรือปล่อยให้ตำแหน่ง Marksman และ Mage มาเอาไป
3.ทีมเวิร์คคือสิ่งสำคัญ
ในเกมอื่น เราอาจจะ One Man Show หรือเกิดคนเดียวก็พาทีมไปสู่ชัยชนะได้ แต่ไม่ใช่กับ LoL: Wild Rift
ไม่ว่าผู้เล่นจะเกิดหรือฆ่าได้มากสักแค่ไหน แต่การโดนรุมมากกว่า 1 ตัวขึ้นไปก็มีโอกาสที่คุณจะลงไปกองได้ง่าย ๆ และ CC (Crowd Control) เพียงนิดเดียวก็อาจฆ่าคุณได้เช่นกัน ดังนั้น One Man Show ในเกมนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดี ไม่ว่าคุณจะเกิดจนตีแรงขนาดไหน หนาจนเลือดเยอะเป็นบาร์โค้ดยังไง การฉายเดี่ยวก็อาจนำพาคุณไปสู่ความปราชัยได้
ผู้เล่นอาจต้องอาศัยประสบการณ์เอาว่าจังหวะไหนควรแยกดัน (Split Push) จังหวะไหนควรออลทีมไฟท์เพื่อเก็บชัยชนะ ของแบบนี้เล่นแรก ๆ อาจจะยังไม่เข้าใจ แต่ถ้าเล่นบ่อย รับรองว่าได้ประสบการณ์และจะเก่งขึ้นอย่างแน่นอน
4.หมั่นใช้ไอเทม Warding Totem และ Oracle Lens
พื้นที่มืด ๆ หรือ Fog of War และพุ่มไม้ (Bush) ในเกมนี้ถือเป็นพื้นที่อันตรายที่อาจถูกศัตรูดักซุ่มโจมตีได้ โดยเฉพาะเหล่า Marksman ทั้งหลาย ถ้าไม่อยากตายแบบไม่รู้ตัว ก็ไม่ควรเดินเข้าไปเฉียดใกล้พุ่มไม้หรือพื้นที่ที่ไม่มี Ward ปักอยู่
ในเกมนี้จะมีไอเทมสองชิ้นที่เราสามารถปรับใช้ไปมาได้ตลอดนั่นคือ Warding Totem ที่เมื่อปักลงไปในจุดใดจุดหนึ่งของแผนที่ จะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งตรงนั้น และทีมศัตรูจะมองไม่เห็น ส่วน Oracle Lens นั้นใช้ในการสแกนพื้นที่รอบ ๆ และสามารถตรวจจับ Warding Totem ได้ด้วย (บนเวอร์ชั่น PC จะสามารถตรวจจับแชมป์เปี้ยนที่อยู่ในสถานะล่องหนได้ด้วย)
การยึดจุดยุทธศาสตร์ในแผนที่ได้ จะเป็นการชิงความได้เปรียบให้กับทีมเป็นอย่างมาก
5.ไอเทมหลายอย่างถูกปรับเปลี่ยนไปบนเวอร์ชั่นมือถือ
แม้จะบอกว่าปรับเปลี่ยน แต่ก็ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนหรือคุณสมบัติหรือสถานะของไอเทมชิ้นนั้น ๆ ไป แฟน ๆ บน PC นั้นจะรู้ว่าไอเทมหลาย ๆ ชิ้นอย่าง Blade of the Ruin King, Hextech Gunblade หรือ Youmouu’s Ghostblade นั้น ไม่จำเป็นต้องกดใช้งานในเวอร์ชั่นมือถือ เพราะเมื่อเราโจมตี หรือทำตามเงื่อนไขครบแล้ว ไอเทมจะทำงานให้เองโดยอัตโนมัติ
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ระบบจะแนะนำไอเทมหลายอย่างให้เราขึ้นไอเทมชิ้นนั้นมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น Yasuo ที่ใช้ Blade of the Ruin King เป็นชิ้นแรกแทน เพราะความสามารถที่ครบเครื่องกว่า และมีโอกาสที่เราจะเลี้ยงตัวเองได้มากกว่าไปจนถึงจุดที่ทีมเริ่มได้เปรียบ การออกไอเทมชิ้นต่อ ๆ ไปก็จะทำได้ง่ายยิ่งขึ้นนั่นเอง
ผู้เล่นทั้งเก่าและใหม่จึงต้องศึกษากันให้ดีสำหรับเรื่องไอเทม
6.อย่าลืมอัปเกรด “เสริมพลังรองเท้า”
ในตัวเกมเวอร์ชั่นมือถือ รองเท้าจะสามารถอัปเกรดเพิ่มสถานะเฉพาะทางได้ เช่นเป็น Ninja Tabi ที่เน้นเพิ่มพลังป้องกัน, Gluttonous Greaves ที่เพิ่มดูดเลือดกายภาพ แต่เหนือกว่าการอัปเกรดสถานะเฉพาะทาง คือการเสริมพลัง ไอเทมทั้งหลายที่เราคิดว่าหายไป ก็มาอยู่ในหมวดเสริมพลังนี่แหละ เช่น Zhonya’s Hourglass นาฬิกาทรายตัวทอง ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็น Stasis Enchant, Quick Silver Sash หรือไอเทมลบล้างสถานะก็มาอยู่ในหมวดนี้ด้วย ดังนั้น อัปเกรดรองเท้าและอย่าลืมเสริมพลัง ไอเทมหลากหลายชิ้นสำคัญ ๆ ไม่ได้หายไปไหน แต่มันอยู่ในหมวดนี้ แต่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
และหกข้อนี้เป็นเพียงเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้ เมื่อมาสัมผัสเกม LoL: Wild Rift และเราหวังว่า 6 ข้อนี้จะช่วยให้คุณมีเปอร์เซนชัยชนะที่มากขึ้นใน Wild Rift