ท่ามกลางกระแสเกมแนว Battle Royale ที่มากันแบบไม่ขาดสาย เมื่อสองปีก่อน ด้วยไอเดียเอาฮาของเหล่าทีมงาน กลับกลายมาเป็นเกมที่เล่นได้จริง แถมอนาคตมันยังมาไกลกว่าที่คิดไว้ จนตอนนี้มันกลายเป็นเกมที่มีฐานแฟนอยู่ในระดับพอสมควร และความกาวของมันยังดึงดูดผู้เล่นหน้าใหม่ได้เป็นอย่างดี Cuisine Royale ในวันนั้น เปลี่ยนชื่อเป็น Crsed: F.O.A.D ในวันนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไรเราจะพาทุกท่านมารู้จักและรับชมกัน
ทุกอย่างเริ่มต้นจากไอเดียไร้สาระ
ปกติสมองมนุษย์ก็มีบ้างที่มักจะเกิดไอเดียตลก เอาฮา ไร้สาระในระหว่างการทำงาน และมันก็มีบ้างเช่นกันที่ไอเดียเหล่านั้นถูกนำมาต่อยอดใช้งานจริง ซึ่ง Cuisine Royale คือหนึ่งในไอเดียเหล่านั้น
Cuisine Royale เกิดจากการที่ผู้พัฒนาอยากจะสร้างเกมล้อเลียนแนว Battle Royale (ทีก่ำลังดังจัด ๆ และมาแรงมากในช่วงปี 2018) ขึ้นมาสักเกม ด้วยความที่เกม Battle Royale ส่วนมากในช่วงนั้น เน้นความจริงจัง ความสมจริง ทีมงานเกมนี้เขาเลยคิดแบบขั้วตรงข้าม นั่นคือกาวมันซะให้สุด เปลี่ยนเสื้อเกราะกันกระสุน ให้เป็นหม้อ กะทะ กะละมัง แถมเริ่มต้นเกมด้วยกางเกงบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียว เรียกได้ว่าแก้ผ้าวิ่งลุยกันตั้งแต่ต้นเกม แล้วก็ไปหาอุปกรณ์ อาวุธกันเอาข้างหน้า
ด้วยความกาวแบบขั้นสุด ทำให้เกมนี้ได้รับความนิยมขึ้นมาในทันทีในช่วงที่เกมเปิดให้เล่น และในตอนแรกนั้น เกมเปิดแบบ Early Access หรือยังพัฒนาไม่เสร็จดี และแจกฟรีสำหรับผู้เข้าไปเล่นทุกคนซะด้วย ทำให้เกมนี้ได้รับการพูดถึงในวงกว้างทันที และสื่อต่างประเทศยังชื่นชมว่า เกมมันทำออกมาดีไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
ในช่วงแรกนั้น Cuisine Royale รองรับผู้เล่นเพียง 30 คนเท่านั้น ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับ Battle Royale เกมอื่น ๆ ที่รองรับกัน 50-100 คนขึ้นไป แต่เพราะการรองรับคนที่น้อยมากใน 1 แมทช์ ทำให้การจับคู่หาห้องนั้นไวมาก ๆ แปปเดียวก็ได้เล่นแล้ว บวกกับกระแสคนที่เข้ามาเล่นเพราะเป็นเกมฟรี ยิ่งทำให้เกมแพร่กระจายความสนุกออกไปได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นเกมเอาฮาที่เกิดอย่างจริงจังในที่สุด
เกมเพลย์การเล่นที่ทั้งเพี้ยนและจริงจังในเกมเดียวกัน
Cuisine Royale ใช้ธีมสงครามโลกครั้งที่สองเป็นธีมหลัก ดังนั้นแผนที่ อาคารก่อสร้าง และอาวุธที่ใช้จะอยู่ในยุคสงครามโลกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปืนอย่าง Mosin Nagant, STG44, MG42, Kar98k และเพราะมันเป็นธีมสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวปืนเลยไม่ค่อยมีของตกแต่งอะไรมากมายนัก เก็บมาแบบไหนก็ใช้แบบนั้นเลย ยกเว้นสไนเปอร์ไรเฟิลที่จะติดตั้งลำกล้องช่วยยิงได้
ส่วนอาคารบ้านช่อง ก็เหมือนกับในช่วงสงครามโลก เช่นตึกเก่า ๆ โบสถ์ หมู่บ้านที่ดูมีชีวิตชีวา และอุปกรณ์ทำไร่ทำนา และทุ่งราบ ส่งผลให้รูปแบบการเล่นนั้นหลากหลายไม่ว่าจะเป็นไล่ยิงกันระยะประชิด หรือซุ่มยิงกันกลางทุ่งนา ด้วยเกมเพลย์มุมมองแบบ TPS ทำให้เราสังเกตศัตรูได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่างที่บอกไปว่า เครื่องป้องกันของเกมนี้โคตรฮา เพราะเป็นการนำเอาภาชนะเครื่องครัวมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นหม้อ จาน กะทะ ทำให้ต่อให้หลบอยู่เนียนแค่ไหน แต่ถ้าขยับนิดนึงก็เห็นตัวกันได้ง่าย ๆ แล้ว
และในขณะที่ Air Drop หรือ Loot Box เกมอื่นนั้นจะมีเครื่องบินทิ้งลงมาให้จากบนฟากฟ้า ให้ยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งของ แต่เกมนี้กลับเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ตู้เย็น” ซึ่งจะตั้งอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในแผนที่ ในตู้เย็นจะมีทรัพยากรให้เราเยอะขึ้นมาหน่อย แต่ถามหน่อยเถอะว่าชีวิตจริง มีเหรอที่ตู้เย็นจะมาตั้งอยู่ในที่โล่ง แถมของที่อยู่ในนั้นยังไม่เสีย ! นั่นก็เพราะเกมนี้เขาไม่สนอะไรแบบนั้นมาแต่แรกแล้ว ก็แค่มันเท่ดี แค่นั้นเอง
และสิ่งสำคัญของเกมแนว Battle Royale เลยคือระบบ Gunplay เพราะจะเป็นตัวชี้วัดเลยว่าเกมจะสนุกหรือไม่สนุก และโชคดีที่เกมนี้ทีมงานเขาอยากเอาฮาอยู่แล้ว ทำให้ระบบการยิงปืนของเกมนี้ แม้จะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปนัก มือใหม่ มือโปร ก็สามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ที่น่าติเสียหน่อยก็คือระบบการจัดการช่องเก็บของของเกมนี้ที่มือใหม่อาจจะต้องทำความเข้าใจกันสักหน่อย เพราะมันแยกออกยากมาก แถมใช้ระบบลากเก็บแบบเกม Battle Royale ยุคเก่า ๆ ใครที่ชอบเล่นเกมยุคใหม่อาจจะไม่ชินเท่าที่ควร รวมไปถึงปืนแต่ละกระบอก กระสุนแต่ละประเภท ที่สังเกตยากมาก ต้องเน้นการอ่านชื่อถึงจะจดจำได้ เป็นปัญหาที่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อยเลยสำหรับผู้เล่นใหม่
ที่สำคัญเลยคือในช่วงแรกนั้น เกมได้รับคำชื่นชมในเรื่องของความละเอียดในเรื่องของเสียงและฟิสิกส์ที่ทำเอาผู้เล่นหลายคนระทึกกันมาก ตอนที่ศัตรูบุกเข้ามาในบ้าน หรือเห็นฝุ่นผง ตอนที่ศัตรูกำลังเหยียบไม้ หรืออยู่บนหลังคา น่าแปลกใจที่เกมตลกเอาฮาแบบนี้ กลับมาให้ความสมจริงในเรื่องของการออกแบบเสียงและภาพ Visual อย่างฝุ่นผงด้วย
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ส่งผลให้ Cuisine Royale กลายเป็นเกมที่มีฐานผู้เล่นในระดับหนึ่ง และเกมก็ประสบความสำเร็จจนอยู่มาได้ยาว ๆ ยันปัจจุบันเสียด้วย จนกระทั่งทีมงานได้ยกเครื่องมันจนกลายเป็นชื่อเกมใหม่
จุติใหม่เป็น CRSED: F.O.A.D พร้อมการปรับปรุงตัวเกมให้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
ในปัจจุบัน Cuisine Royale ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเกมที่มีชื่อว่า Crsed: F.O.A.D และยังกระจายไปเปิดตัวบน Epic Games Store แต่ยังคงไว้ซึ่งการเล่นแบบ Free-to-Play แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือตัวละครใหม่ ๆ ที่เข้ามามากมาย และตัวละครเหล่านั้นยังมีสกิล ท่าไม้ตาย เป็นของตัวเองอีกด้วย บางคนแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้ บางคนเสกกองทัพปีศาจออกมาช่วยได้ ทำให้เกมมีเกมเพลย์การเล่นที่แตกต่างไปจากช่วงที่ยังเป็น Cuisine Royale
รูปแบบการเล่นแบบนี้ทำให้เกมเหมือนกับเกมแนวยิง Shooter ทั่วไป แต่ก็ยังคงเกมเพลย์การเล่นในรูปแบบ Battle Royale เอาไว้ ที่สำคัญเครื่องป้องกันทั้งหลายอย่างหม้อ กะทะ กะละมังก็ยังคงอยู่ แค่เพิ่มระบบสกิลตัวละคร และตัวละครใหม่ ๆ อีกมากมายเข้ามาให้เราได้ใช้กัน รวมไปถึงระบบต่าง ๆ ก็ยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้ และเพิ่มความทันสมัยแบบเกมอื่นเข้ามา ยกตัวอย่างเช่นระบบอย่าง Battle Pass ที่ทุกเกมต้องมี ระบบการ Customize ตัวละครทั้งชุด อาวุธ เครื่องแต่งกาย ระบบภารกิจประจำวัน ระบบ EXP และความสามารถ / Perks ของตัวละคร ที่เป็นการยกเครื่องเกมขึ้น
และที่สำคัญคือการ Optimize ตัวเกมที่ทำให้เกมเล่นลื่นขึ้นแบบสุด ๆ และกินสเปคน้อยลงมาก ถือเป็นข้อดีสำหรับใครที่เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่แรงแต่อยากหาเกม Battle Royale สนุก ๆ เล่น เกมนี้ช่วยคุณได้แน่นอน
แต่สุดท้ายแม้แต่ผู้เขียนเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าชื่อเกมใหม่ที่ Cuisine Royale เปลี่ยนมานี้มันมีความหมายอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ หากใครมองหาเกมฟรี เล่นสนุก แถมกาว กินสเปคก็ไม่สูง จะลองโหลด CRSED: F.O.A.D มาลองเล่นดูได้ ไม่เสียหาย