หากย้อนกลับไปสัก 10 ปีก่อน เกมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเราน่าจะหนีไม่พ้นเกมออนไลน์แนว MMORPG และในระดับสากลนั้น เกม MMORPG ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันด้วย แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เกมแนวนี้กลับเสื่อมความนิยมลง หลายคนก็บอกว่าไม่แปลก แต่มานั่งคิดดูดี ๆ แล้ว มีหลายปัจจัยมากที่ทำให้เกมออนไลน์แนว MMORPG นั้นกระแสซาลงไปอย่างมาก วันนี้เราจะมานั่งค้นหาคำตอบกันว่า เกมแนว MMORPG นั้น ตายแล้วจริง ๆ หรือมันแค่ขาดอะไรบางอย่างไปกันแน่ ?
หัวใจหลักของเกม MMORPG
เป้าหมายหลักของเกม MMORPG คือการเก็บเลเวลตัวละคร จากนั้นก็เปลี่ยนอาชีพสู่ระดับที่สูงขึ้น จากนั้นหากิลด์ หรือปาร์ตี้ประจำ ในการต่อสู้กับดันเจี้ยนขนาดใหญ่ เพื่อล่าไอเทมระดับสูงมาสวมใส่ หรือขายเพื่อหาเงินใช้ นี่คือคีย์หลักของเกม MMORPG ซึ่งแต่ก่อนเกมแนวนี้ได้รับความนิยมในบ้านเราเป็นอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็น Yulgang , Maplestory , Ragnarok และอื่น ๆ อีกมากมาย
พร้อมกันนั้นสิ่งที่มาคู่กับเกม MMORPG คือการซื้อขายไอเทมภายในเกมเป็นเงินจริง เกมเมอร์ชาวไทยน่าจะเคยผ่านเหตุการณ์การประมูลไอเทมภายในเกม หรือซื้อขายไอเทมภายในเกมเป็นเงินจริงกันมาแล้ว ซึ่งบางชิ้นมีมูลค่าสูงถึงหลักล้านบาทกันเลยทีเดียว จะบอกได้ว่า เกมแนว MMORPG นั้น เป็นอีกหนึ่งสังคมขนาดใหญ่ในโลกจำลองก็ว่าได้
แต่ถึงอย่างนั้น เกมทุกเกมย่อมมีจุดอิ่มตัว เราจะสังเกตเห็นได้ว่า เกมอมตะในยุคนั้น มาอยู่ในยุคนี้มันเล่นไม่สนุกแล้ว ส่วนนึงเพราะคอนเทนต์เกมที่่ต้องปรับตัวตามยุคสมัย กลิ่นอายความคลาสสิคได้จางหายไปจนสิ้น และเล่นยังไงก็ไม่สามารถให้ความรู้สึกเก่า ๆ ได้อีกต่อไป มันเป็นปัญหาของเกม MMORPG ที่มีอายุยืนนาน รวมไปถึงเกมใหม่ ๆ ที่เป็นแนว MMORPG ด้วย แต่สาเหตุหลัก ๆ ของมัน คือการที่แนวเกมใหม่ ๆ นั้น เปิดตัวในตลาดมากยิ่งขึ้น
การมาถึงของ Casual , MOBA สนุกได้ โดยใช้เวลาไม่นาน
นี่น่าจะเป็นปัญหาแรก ๆ ของเกม MMORPG คือการมาถึงของเกมแนว Casual และ MOBA ซึ่งสองแนวเกมนี้ เหมาะอย่างสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปนั่งเล่นเกมนาน ๆ หรือไม่ชอบการที่จะต้องมานั่งฟาร์มเก็บเลเวล หาของให้ตัวละครนาน ๆ เพราะสองเกมแนวนี้มักใช้เวลาในการเล่นต่อรอบไม่นาน และไม่ต้องคอยฟาร์ม หรือใช้เวลาในการลงดันเจี้ยน เก็บเลเวลนาน ๆ เกม Casual ในสมัยก่อนนั้นจะไม่ค่อยแบ่งแยกแนวเกมที่ชัดเจนนัก เกม FPS อย่าง Special Force หรือเกม Competitive อย่าง Audition ก็จะถูกนับเป็นเกม Casual ทั้งหมด
และการมาของเกม Heroes of Newerth หรือ HON ที่แทบจะพลิกโฉมวงการเกมให้เกมแนว MOBA ฮิตขึ้นมาในบ้านเรา (ถึงแม้จะนำร่องมาก่อนด้วย DotA แล้วในตอนนั้น) กลับกัน กระแสเกมแนว MMORPG ที่ยิ่งซาลงไปเรื่อย ๆ เพราะแนวเกมที่ซ้ำซาก และต้องใช้เวลาในการเล่นค่อนข้างนาน คนจึงหันมาสนใจเกมแนว Casual เยอะกว่านั่นเอง
MMORPG ที่สดใหม่ แต่จากไปอย่างน่าเสียดาย
หากพูดถึงความสดใหม่ในเกม MMORPG หลายคนคงงงว่า มันจะหาความสดใหม่ได้ยังไง ? เรามักจะเริ่มต้นด้วยการเป็นคนไร้อาชีพ ก่อนที่จะเลือกคลาสพื้นฐานอย่าง Warrior , Mage , Archer , Rogue ก่อนที่เราจะต้องเก็บเลเวล อัพเกรดตัวละครไปเรื่อย ๆ วนลูปไปเรื่อย ๆ แต่ในยุคก่อน มีอยู่หนึ่งเกมที่ผสมผสานความเป็นเกม MMORPG และเกม Racing แบบ Casual ได้อย่างลงตัว เกมนั้นคือ
– RAYCITY
Ray City คือเกม MMORPG ที่แหวกแนวที่สุดในช่วงปี 2008 เพราะตัวเกมนั้นเป็นเกม MMORPG ก็จริง แต่เราไม่มีอาชีพพื้นฐาน ไม่มีนักดาบ ไม่มีนักธนู แต่เราเป็นคนขับรถ ที่จะต้องเก็บเลเวล เก็บเงิน ซื้อรถคันใหม่ แต่งรถให้ได้ออปชั่นสวย ๆ จากนั้นก็เข้าสู่โหมด Competitive หรือการแข่งขัน ที่นอกจากจะใช้ความเร็วของรถแข่งกันเพียว ๆ แล้ว ยังต้องใช้การดริฟท์ การเลี้ยวที่ถูกจังหวะเพื่อแย่งชิงกันเข้าเส้นชัย
Ray City เปิดให้บริการในบ้านเราโดย Goldensoft (ที่ปัจจุบันปิดตัวลงไปแล้ว และเกมก็ปิดไปแล้วด้วย) แน่นอนว่าความสดใหม่ของตัวเกม บวกกับกราฟิกที่สวยงามและเกมเพลย์ที่เป็นการขับรถซิ่งแข่งกันราวกับภาพยนตร์ Fast & Furious เกมนี้แทบจะกวาดคะแนนความนิยมในไทย ขึ้นไปเป็นเกมอันดับ 1 บวกกับกิจกรรมจากทางค่ายเกมที่สร้างฐานผู้เล่นไว้ได้อย่างมั่นคง Ray City จึงกลายเป็นเกม MMORPG ที่มีความสดใหม่ และมีฐานผู้เล่นที่แข็งแกร่งแบบสุด ๆ น่าเสียดายที่มันต้องปิดตัวลงไป เพราะถูกทอดทิ้งจากการพัฒนา และนับตั้งแต่นั้นเราก็ไม่เห็น MMORPG ที่มีความสดใหม่ และลงตัวเท่า Ray City อีกเลย
ปัญหาหลักที่ทำให้คนเลิกสนใจเกมแนวนี้
เกม MMORPG นั้นมีสเกลเกมที่ยิ่งใหญ่มากในช่วงเลเวลสูง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Raid Boss , Dungeon Guild และอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งมันทำให้คนเราไม่สามารถเล่นเกมแนวนี้ด้วยตัวคนเดียวได้เลย ผู้เล่นจำเป็ฯจะต้องเข้าสังคม มีปาร์ตี้ มีกิลด์อยู่ เพื่อรับโบนัสพิเศษ ทำให้เล่นได้ง่ายขึ้น และต่อสู้กับเหล่าบอสได้ พูดง่าย ๆ ก็คือเกมแนวนี้จะบังคับให้คุณต้องเข้าสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่จะนับเป็นข้อดีหรือข้อเสียก็ได้ แต่ในสมัยก่อนนั้น การเข้าสังคมภายในเกม MMORPG ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะแต่ละอาชีพล้วนต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันในการเล่น
แต่ในปัจจุบัน เกมMMORPG ในยุคปัจจุบันนั้น แทบจะไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องความแตกต่างทางด้านอาชีพ จะเล่นอาชีพไหน สายอะไร ผู้เล่นก็สามารถที่จะ Solo เดี่ยวได้หมด ทำให้ตัวเกมมันดูขัดแย้งกับการเป็นเกมออนไลน์ที่ต้องเน้นสังคม ไม่แปลกที่ผู้คนจะเริ่มเบื่อ เพราะในยุคนี้ การที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงได้แทบจะทุกพื้นที่ การเล่นเกมกับเพื่อน จึงเป็นอะไรที่สนุกกว่ามาก และพอเกม MMORPG ขาดความสนุกในแบบที่มันควรจะเป็น ประกอบกับเกม Casual ที่มาแรงขึ้นทุกที ๆ จึงคาบเอากระแสไปครอง
สรุปว่าแนวเกมนี้ตายจริง หรืออย่างไร ?
หากจะบอกกันตรง ๆ ก็คงต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วเกมแนวนี้มันยังไม่ตาย แต่มันขาดเกมที่มีคุณภาพที่น่าสนใจพอ แต่มันก็ยาก เพราะแนวเกมนี้มันมีมานานแล้ว การสร้างเกมใหม่ขึ้นมาสักเกม โดยจะให้ระบบมันหนีไปจากต้นแบบ มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ และถึงอย่างไรก็ตามเกมที่โด่งดังในแนวนี้ปัจจุบันอย่างเช่น FFXIV Online , Black Desert ก็ยังคงยืนตลาดอยู่ได้อย่างเหนียวแน่น แต่หากจะหวังให้เกมอื่นลุกขึ้นมาตีตลาด ก็คงไม่มีใครกล้าลุกมาเสี่ยงทำเกมที่ขายออกยากแน่นอน เพราะเขาหันไปทำเกม Casual ขายออกง่ายกว่านั่นเอง
MMORPG เป็นอีกหนึ่งแนวเกมที่ไม่เคยตาย แต่จริง ๆ แล้วมันยังขาดเกมใหม่ที่มาพลิกวงการ หรือความสดใหม่เพียงเท่านั้น แต่ก็ไม่ปฏิเสธเช่นกันว่า การทำให้ได้แบบนี้มันยากมากจริง ๆ