บทสัมภาษณ์ Pawel Miechowski มือเขียนบทผู้อยู่เบื้องหลังเกมสุดเจ๋งอย่าง This War of Mine ทั้งประเด็นเกมฮิตและศีลธรรมในโลกวิดีโอเกมส์
This War of Mine เกมอินดี้สุดเจ๋งผลงานการสร้างจาก 11 bit Studios ที่ได้รับการเอ่ยถึงอย่างมากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตัวเกมหยิบยื่นประสบการณ์การเอาตัวรอดในพื้นที่ท่ามกลางสงครามและความขัดแย้ง คุณจะทำอย่างไรถ้าอาหารและน้ำดื่มมีอยู่อย่างจำกัด กฏหมายและตุลาการกลายเป็นสิ่งที่เพ้อฝัน และค่ำคืนสุดแสนอันตรายกำลังจะเข้ามา ที่กล่าวไปทั้งหมดนั้นน่าจะเพียงพอสำหรับการอธิบายเกมดังกล่าวให้เห็นภาพ วันนี้เราจะมาอ่านบทสัมภาษณ์ระหว่าง Pawel Miechowski หัวหน้าทีมเขียนบทที่ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์อย่าง Popzara.com ที่พูดถึงประเด็นของตัวเกมและการสอดแทรกศีลธรรมไว้ในตัวเกมกันครับ
เริ่มกันที่คำถามข้อแรกนะครับว่าอะไรคือที่มาของการสร้างเกม This War of Mine และตัวเกมได้ถูกปรับเปลี่ยนไปมากแค่ไหนกว่าจะได้อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ?
แนวคิดของเกมเริ่มมาจาก Grzegorz Miechowski (ผู้บริหาร 11 bit Studios) ซึ่งก็คือพี่ชายของผมเอง เขาได้อ่านเรื่องราวความขัดแย้งในพื้นที่ต่างๆและสถานการณ์ที่น่าเศร้าของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สงคราม เขาหยิบประเด็นนี้มาเล่าให้ฟังถึงความลำบากของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการต่อสู้กัน และนั่นก็คือที่มาของเกมนี้เพียงแต่ว่าเราจะหยิบมานำเสนอในแง่มุมและประสบการณ์อันตึงเครียดของการเอาตัวรอด นำเสนอด้วยสื่อเกมให้ผู้คนเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกให้ได้มากที่สุด ดังนั้นเราจึงทำการเก็บข้อมูลเหตุการณ์จากพื้นที่ Sarajevo, Kosovo, Aleppo, Warsaw และพื้นที่อื่นๆที่ผู้คนต้องทนทุกข์ทรมาณจากพิษสงคราม
ตัวเกม This War of Mine ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นคือสิ่งที่เราต้องการมาตั้งแต่แรก ดังนั้นเราจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีการปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง แน่นอนล่ะมันก็มีการปรับเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆมากมายแต่สุดท้ายแล้วตัวเกมก็ยังคงเหมือนต้นฉบับที่เราวาดฝันไว้ในตอนแรก
ตัวเกมนำเสนอเรื่องราวของสงครามที่อาจเกิดขึ้นกับเราทุกคนบนโลกนี้ในวันพรุ่งนี้หากมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น ผู้คนจำนวนมากเล่นเกมนี้แล้วเกิดแนวคิดที่ว่า”นี่อาจจะเกิดขึ้นกับฉันในอนาคต” คุณสามารถนำบรรยากาศเหล่านี้มาไว้ในเกมได้อย่างไร ?
This War of Mine ดำเนินเรื่องราวในพื้นที่สมมุติเพราะเราไม่อยากจะชี้เฉพาะเจาะจงถึงความขัดแย้งในประเทศหรือเมืองใดเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าบรรยากาศภายในเกมจะดูเหมือนพื้นที่ทางตะวันออกของทวีปยุโรปแต่นั่นก็เป็นเพราะมันจะช่วยให้เราง่ายต่อการออกแบบเกมมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง แต่แน่นอนว่าหัวใจหลักของเกมคือการส่งข้อความที่ว่า “นี่อาจจะเกิดขึ้นกับคุณในอนาคต” ไปสู่ทุกคน และแน่นอนว่าหากมันเกิดขึ้นจริง มันจะไม่เกี่ยวเลยว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณจะทำอย่างไรเพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาตัวคุณเอง , ครอบครัวและเพื่อน
กลุ่มผู้เล่นเกมนี้ส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกาซึ่งไม่เคยประสบกับเหตุการณ์แบบในเกมมาก่อน ถึงแม้จะเป็นช่วงที่ประเทศประสบปัญหาก็ตาม และเมื่อการสู้รบถูกนำมาสร้างเป็นเกม ผู้เล่นก็จะคุ้นเคยกับการเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้มากกว่าการเอาตัวรอดแบบประชาชนทั่วไป คุณคาดหวังว่าจะให้เกมเมอร์เข้าใจถึงความได้เปรียบของการเข้าถึงทรัพยากรที่ไม่เท่าเทียมกันได้อย่างไร ?
ผมหวังว่าเกม This War of Mine จะเป็นมากกว่าแค่เครื่องบันเทิงสำหรับคนเล่นเกม ผมอยากให้มองว่านี่เป็นประเด็นที่ตึงเครียดและมีการสื่อสารถึงคนทุกระดับถึงปัญหาดังกล่าวในรูปแบบของการนำเสนอผ่านเกม และเรายังอยากที่จะให้สาสน์ที่ว่า”สงครามคือนรกไม่ใช่แค่การยิงกันสนุกๆ”ถูกแพร่กระจายออกไปผ่านเกมของเรา
เกมนี้ถูกนำเสนอในบรรยากาศที่มืดหม่นและสิ้นหวังแต่ achievements ของเกมนั้นถูกนำเสนอในความรู้สึกส่องสว่างและมีความหวัง นั่นเป็นสิ่งที่พวกคุณตั้งใจนำเสนอหรือเปล่า ?
ไม่เลยและเราก็ไม่เคยเห็นผู้ใช้งานบน Steam พูดถึงประเด็นนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มันไม่ใช่เรื่องที่ตั้งใจ อย่างไรก็ตามเราพยายามที่จะนำเสนอประเด็นของเกมอย่างจริงจัง ในขณะนี้เราได้ร่วมมือกับ War Child องค์กรการกุศลระดับนานาชาติเพื่อช่วยเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สงครามและเรากำลังจะระดมทุนเพื่อหาเงินช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น ซึ่งเรามีแผนที่จะเปิดตัวในเร็วๆนี้แต่ยังมีหลายอย่างต้องขัดเกลาซึ่งเราไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
สิ่งหนึ่งที่ยากที่สุดเมื่อเล่นเกมนี้คือการรักษาสมดุลระหว่างศีลธรรมกับการเอาตัวรอด ยกตัวอย่างเช่น อาหารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเกมนี้ ผมต้องตัดสินใจว่าจะฝ่าเข้าไปค้นหาในห้างสรรพสินค้าแต่ต้องเสี่ยงถูกยิงตายหรือเลือกที่จะไปขโมยเอาจากเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันซึ่งพวกเขาก็พยายามเอาตัวรอดด้วยสันติวิธี คุณทำให้ประสบการณ์การเล่นที่ได้รับของเกมเมอร์ทำให้เกิดการตั้งคำถามในใจเกี่ยวกับประเด็นทางศีลธรรมได้อย่างไร ?
ในตอนแรกเรามีคำถามสำคัญที่ต้องมานั่งถกกันระหว่างทีมพัฒนา ในตอนแรกเรารู้ดีว่าตัวเกมจะไม่สามารถมอบข้อคิดทางศีลธรรมใดๆให้กับเกมเมอร์ได้เลย ตัวเกมแค่จะมอบความสามารถในการเลือกสิ่งที่จะทำและความเปิดกว้างในการตัดสินใจของผู้เล่น หลังจากนั้นตัวเกมก็แค่แสดงผลลัพธ์ของการตัดสินใจของผู้เล่นออกมา ในรูปแบบนี้ผู้เล่นจะได้เห็นถึงผลกระทบที่ตามมาและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของตัวเอง ดังนั้นเมื่อเราตัดสินใจว่าอยากให้เกมของเราเป็นแบบนี้และเราทำได้ถูกวิธี เกมของเราก็จะเป็นเครื่องมือในการตั้งคำถามทางศีลธรรม , ความอดกลั้นและคำถามสำคัญอีกมากมายได้เป็นอย่างดี เป็นการเติบโตของเกมในรูปแบบหนึ่ง
มีครั้งหนึ่งในเกมที่ผมกำลังย่องอยู่ในโรงเรียนร้างเพื่อหาอาหารและสิ่งของต่างๆ ผมย่องได้อย่างแนบเนียนและกำลังกอบโกยสิ่งของต่างๆให้ได้มากที่สุด แต่แล้วผมก็เผลอทำเสียงดังซึ่งทำให้คนที่อาศัยอยู่ในนั้นรู้ตัว ผมคาดหวังว่าเขาน่าจะเข้ามาโจมตีผม แต่เปล่าเลยเขากลับทักทายและปล่อยให้ผมเอาของต่างๆไปซะอย่างนั้น ซึ่งมันเปลี่ยนความรู้สึกที่ผมมีต่อการบุกรุกสถานที่นั้น ผมรู้สึกผิดและรู้สึกถึงความรับผิดชอบอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนตลอดการเล่น ผมได้แต่คิดถึงสถานการณ์นั้นในรูปแบบของเกมอื่นๆที่ผู้คนจะเข้ามาทำร้ายเราแต่สำหรับเกมนี้มันไม่ใช่ คุณรู้สึกอย่างไรที่เกมของคุณสามารถปรับเปลี่ยนความเคยชินของการเล่นเกมได้ ?
เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ ผู้เล่นหลายคนนั้นมีรูปแบบของการตอบสนองที่เคยชินมาหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของคุณที่ผู้เล่นมักจะเห็นผู้อื่นเป็นศัตรูไปเสียหมด หรืออย่างการเชื่อว่าในสถานที่ลึกลับจะต้องมีปริศนาให้เราได้แก้ไขอยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่เกมสอนเรา แต่ในโลกของเกม This War of Mine มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เราทำลายโลกเดิมๆของการเล่นเกมทิ้งไป เราสร้างสถานการณ์ให้ผู้เล่นได้เจอปัญหาที่แตกต่างกันออกไปและเริ่มที่จะคิดแก้ไขโดยอาศัยความรู้สึกเป็นปัจจัยสำคัญ แน่นอนว่าการที่ทำให้ผู้เล่นสลัดรูปแบบเดิมๆทิ้งไปเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากผู้เล่นต้องถามตัวเองว่าเฮ้ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? เราต้องทำยังไง ? นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด
โครงการต่อไปของทีม 11 bit Studios คืออะไร ? จะยังทำเกมแนวเดียวกันอีกมั้ย ? หรือจะเดินหน้าสร้างภาคต่อของเกมต่อไป ?
ตอนนี้เรายังอยู่ในแผนการขยายตัวเกม This War of Mine ต่อไปโดยจะทำการเพิ่มสถานที่ต่างๆและเหตุการณ์ในเกมใหม่ๆลงไป หรืออย่างทีมฝั่งพัฒนาเกมก็ได้ทำการพัฒนาเกมลงเครื่อง Tablet และมือถืออยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตามทีมของเราส่วนหนึ่งก็กำลังระดมความคิดสร้างเกมใหม่อยู่ในขณะนี้เพียงแต่เราไม่แน่ใจว่าเราควรจะสร้างเกมที่มีเนื้อหาหนักแน่นอย่าง This War of Mine อีกมั้ยเพราะเราก็ไม่อยากให้มีภาพลักษณ์ของทีมพัฒนาเกมที่ดูจริงจังเท่าไหร่นัก แต่เราก็หวังว่าเราจะได้ทำเกมที่ทั้งสนุกและจริงจังออกมาอีกในอนาคต