ในวงการของเกม MOBA เเล้ว เเม้ว่าในปัจจุบันจะมีเกม MOBA เกมอื่น ๆ ครองตลาดและหายไปตามเวลา เเต่สำหรับ Dota เเล้ว ความยิ่งใหญ่ของเกมนี้ก็ยังคงเป็นตำนาน พูดได้ว่าเป็นเกมที่พาโลกทั้งใบเข้าสู่ยุคใหม่อย่างเเท้จริง
เรื่องราวของ Dota นั้นซับซ้อนกว่าที่ใครหลาย ๆ คนคิดไว้มาก ทั้งการข้ามน้ำข้ามทะเลจากถิ่นกำเนิดมาสู่ผู้เล่นทั่วโลก ผ่านทีมพัฒนาหลายทีม ผ่านการเปลี่ยนชื่อไปมา เเละผ่าน 2 ผู้พัฒนารายใหญ่ที่ถกเถียงกันจนทำให้ The Original MOBA นี้ เติบโตเเละเเตกต่างกับที่มันเคยเป็นมาก่อนมาก
นี้คือเรื่องราวของ Dota 2 ก่อน หลัง สู่ยักษ์ใหญ่ของวงการ Esport ในปัจจุบัน
1. Dota Esport เริ่มจากตรงไหน
เริ่มจากชื่อกันก่อน คำว่า Dota นั้น เป็นคำย่อมาจากคำว่า “Defense of the Ancients” ของเกม Warcraft III จาก Blizzard Entertainment ในปี 2002 โดยชื่อย่อในตอนเเรกนั้นคือ DotA (ไม่ใช่ Dota อย่างในปัจจุบัน) เป็นแผนที่แฟนเมดที่ผู้เล่น 2 ทีม 5 คนต้องเเข่งกันเพื่อควบคุมพื้นที่ ร่วมกับ NPC ในเกม (Creep) ในการ “ดันเลน” ไปถึงฐานของอีกฝ่ายเพื่อทำลาย “Nexus” หรือฐานใหญ่ลงให้ได้
ซึ่ง “แนวคิด” ของเเผนที่ 5vs5 ดันเลนตีป้อมนี้ ก็ถูกนำมาใช้และพัฒนาโดยแฟนเมดรายอื่น ๆ ทำให้เเนวคิดของเกม MOBA เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เเละมีคนอีกจำนวนมากหมุนเวียนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา DotA โดยในขณะที่ผู้เล่นของ DotA ส่วนใหญ่ขณะนั้นก็คือกลุ่มชาวเอเชียนั้นเอง พวกเขาเริ่มมีการจัดทัวร์นาเมนต์แข่งขันกันเอง โดยที่ผู้พัฒนาเองก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเเต่อย่างใด
เเละความเป็น Esport ก็เริ่มเติบโตอย่างช้า ๆ จากจุดนั้น เหล่าเเฟนเมดทั้งหลายเริ่มค่อย ๆ พัฒนาเเนวคิดของเกม MOBA ให้สามารถเเข่งขันกันได้อย่างยุติธรรมมากขึ้น ทั้งการปรับปรุง Hero, Map, item เเละรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหลาย
ในที่สุด DotA AllStars ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางเเผนที่ DotA หลากหลายเวอร์ชั่น เเละได้กลายเป็นเเผนที่ “อย่างเป็นทางการ” ของ Mod นี้ในที่สุด
ซึ่งจากจุดนั้น ตลาดที่ยังคงเป็นเเหล่งใหญ่จนถึงในปัจจุบันอย่าง “จีน” ก็ยังคงเป็นเเหล่งฟักตัวของ DotA มาตั้งเเต่ตอนนั้น DotA AllStars ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากใน จีน รัสเซีย เเละประเทศเเถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เเน่นอน ไทยเป็นหนึ่งในนั้น) มีการจัดการเเข่งขันขึ้นโดยองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งจนถึงจุดนี้ Blizzard ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้เเต่อย่างใด
ในที่สุด เมื่อศตวรรษที่ 21 มาถึง Mod : DotA AllStars ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปี 2000 เป็นต้นมา โดยเป็นเพียงเกม Multiplayer Online Battle Arena (MOBA) เพียงเกมเดียว (เเผนที่เดียว) เท่านั้นที่ได้นับความนิยมในระดับโลก เเม้ว่าในช่วงนั้นโลกอาจจะยังไม่รู้จักกับคำว่า “MOBA” ดีเท่าไหร่ก็ตาม
แต่เเล้วสิ่งที่ทำให้บัลลังก์อันดับ 1 ของโลกต้องสะเทือนก็เกิดขึ้น เมื่อ Steve “Guinsoo” Feak ได้ออกจากทีมพัฒนา DotA เพื่อไปทำงานให้ Riot Game พัฒนา League of Legends ขึ้นมาในปี 2009 ทำให้เกิดขั้วอำนาจเกิดขึ้นในโลก MOBA ขึ้นจนได้ เเผนที่ DotA AllStars ยังคงได้รับความนิยมในเเถบ Asia ก็ยังคงได้รับความนิยมในเเถบเอชียหลังจากนั้นอยู่ เเต่การที่จะสู้กับขั้วอำนาจใหม่นั้น พวกเขา (DotA) จะต้องมีอะไรที่เหนือกว่า เเละนั้นก็คือการเข้ามาของ “Valve Corporation”
2. Dota 2 เกิดขึ้นได้อย่างไร
Valve Corporation คืออภิมหาค่ายเกมยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างเเท้จริง เป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของ Steam ตลาดเกมเเละคอมมูนิตี้ PC ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เเละเป็นผู้สร้างเกมในตำนานอย่าง Counter-Strike ซึ่งนั่นก็หมายความว่า สำหรับ Valve นั้น Esport เป็นสิ่งที่พวกเขาถนัดเเละอยู่ในตลาดนี้มาตั้งเเต่ต้นเเล้ว
และในปี 2011 หลายสิ่งเกิดขึ้นเเต่ก็จบลงด้วยดี จากที่จะสามารถนำ Mod ทั้งหมดมาพัฒนาต่อได้ Dota2 จึงกำเนิดขึ้นมาโดยสามารถใช้ได้เพียง “เเนวคิด” ของเกม MOBA และต้องทำการเปลี่ยนชื่อ เเละองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างให้เเตกต่างกับต้นเเบบของ Blizzard ด้วยเหตุผลทางกฏหมายที่ต้อสู้เเละเจรจากันมาอย่างยาวนาน
และเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของเกมที่ครั้งหนึ่งเป็นเกมที่เคยอยู่ในเงามาก่อน เหล่าผู้พัฒนาเเละ Valve ได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการผลักดันการเเข่งขันการเล่นเกมนี้ไปให้ถึงจุดสูงสุด เเละในที่สุด “The International” ครั้งเเรกก็เกิดขึ้น
“The International” ครั้งเเรกนั้นจัดในงาน GamesCom ที่เบอร์ลิน เยอรมันนี โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นเงินรางวัลสูงสุด ณ ขณะนั้น ซึ่งสามารถดึงเอาเเฟน ๆ ของ DotA มาได้เป็นจำนวนมากทั้งในจีนเเละพื้นที่อื่น ๆ ของโลก The International ยังทำให้ชื่อของ Dota 2 เป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว เเละยังเป็นการวางรากฐานของ Esport เเละทำให้มันเติบโตอย่างรวดเร็วนับจากนั้น
3. Dota 2 นั้นเป็นยังไง ?
หลังจากพัฒนามา 15 ปี Dota 2 ได้พัฒนาขึ้นไปตามกาลเวลา เเต่รูปลักษณ์ซึ่งเป็นเเกนหลักของเกมนั้นก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยน
ซึ่งก็เหมือน MOBA 5vs5 ทั่วไป ที่ 2 ทีมจะต้องต่อสู้ห่ำหั่นกันเพื่อทำลายฐานของอีกฝ่าย เกมเล่นบนเเผนที่เดียวที่เเบ่งเป็น 2 ฝ่าย จะมี NPC ออกมาคอยสนับสนุนในการต่อสู้อยู่เรื่อย ๆ นี่ถือเป็นพื้นฐานทั่วไปของ MOBA ที่เปลี่ยนเปลงไม่บ่อยและเปลี่ยนแปลงได้ยาก ความหลากหลายเเละความสนุกจึงขึ้นอยู่กับวิธีการที่เเต่ละคนเล่นเสียมากกว่า
เพื่อให้เกมสนุกที่สุด ใน Dota 2 ผู้เล่นจะต้องเลือก Hero 1 ตัวละครจากกว่า 100 ตัวละครที่มีให้เลือก เติมเต็มเเต่ละตำแหน่งของทีมเเละเข้าต่อสู้ในเกมที่ทุกครั้งที่เล่นก็จะเจอสภาพเเวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน เจอเพื่อนในทีมคนอื่น เจอฝ่ายตรงข้ามคนอื่น เเละวิธีการเล่นอื่น ๆ อยู่ตลอดเวลา เเม้ว่าจะเล่นบนเเผนที่เดิม ๆ ก็ตาม ซึ่งนั้นเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Dota 2 เเละ MOBA เกมอื่น ๆ ได้รับความนิยมจนถึงในปัจจุบัน
4. Dota 2 กับผลกระทบในระดับโลก
The International ไม่ได้เเค่ส่งผลกับ Dota Esport เอง เเต่มันส่งผลกับ Esport ทั่วโลก ทันทีที่ The International มาถึงและเป็นเกมที่มีเงินรางวัลสูงสุด คู่เเข่งอย่าง Riot Game ก็ไม่รอช้า เร่งเพิ่มเงินรางวัลให้กับของเเข่งขันของพวกเขาทันที ทำให้การเเข่งขันของทั้ง 2 เกมนั้นยิ่งใหญ่มากขึ้นในเเต่ละปี ยิ่งมีการเเข่งขันครั้งไหนดีขึ้นเเละยิ่งใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ การเเข่งขันครั้งต่อ ๆ ไปของเกมอื่น ๆ ก็จะทวีความยิ่งใหญ่มากขึ้นไปด้วย
เเต่แน่นอน เเรงกระทบใหญ่ของการพัฒนานั้นย่อมมาจากต้นฉบับอย่าง Dota 2 เอง Valve ได้ผลักดัน The International ให้กลายเป็นการเเข่งขันระดับ Premier Esport ด้วยการทุ่มทั้งเงินเเละทีมงานในการพัฒนาตัวเกมในด้านต่าง ๆ
การเเข่งทัวร์นาเม้นซึ่งจัดโดยเจ้าภาพรายย่อยทั้งหลายนั้นเกิดขึ้นทั่วไป เเม้จะมีเงินรางวัลน้อยเเต่นั้นก็เริ่มทำให้ผู้คนจำนวนมากเริ่มหันมาสนใจกับวงการ Esport ซึ่งการเติบโตนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2011 ถึง 2013
แล้วในที่สุด ใน The International ครั้งที่ 3 ในปี 2013 Valve ได้ใช้ไม้ตายใหม่ นั้นคือการเปิด “The Compendium” หรือก็คือส่วนหนึ่ง battle Pass ซึ่งเป็นการดึงเอาผู้เล่นทั่วไปให้สามารถมีส่วนร่วมกับการเเข่งขันครั้งใหญ่ของพวกเขาได้มากขึ้น ทำให้ Valve สามารถเพิ่มเงินรางวัลได้จากการดึงมาจากผู้เล่นโดยตรง ทำให้เงินรางวัลรวมใน The International 2013 นั้นสูงถึง 2.8 ล้านเหรียญ ที่น่าตกใจคือ ในปีต่อมา 2014 เงินรางวัลพุ่งขึ้นสูงถึง 10.9 ล้านเหรียญ เเละไม่หยุดเเค่นั้น 18.4 ล้านเหรียญในปี 2015, 20.7 ล้านเหรียญในปี 2016 และ 24.7 ล้านเหรียญในปี 2017 เเละในปีล่าสุด The International 2018 ก็มีเงินรางวัลรวมสูงถึง 25.5 ล้านเหรียญเลยทีเดียว
ซึ่งเงินรางวัลมหาศาลนี้ก็ทำให้ Dota2 สามารถเขี่ยคู่เเข่งทุกคนลงจากลิสต์ของเกมที่มีเงินรางวัลสูงสุดได้ทั้งหมด ซึ่งอันดับสูงสุด 5 อันดับเเรกเป็นของ Dota ทั้งสิ้น ตามมาด้วย LoL World Championship 2016 ในอันดับ 6 ด้วยเงินรางวัล 5 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของปี 2014 เสียด้วยซ้ำ
5. Dota 2 กับ Esport ในปัจจุบัน เเละทิศทางในอนาคต
The International นั้นยังคงเติบโตต่อไป การเเข่งขันรายการย่อย ๆ ลงมาก็ยังคงมีต่อ เเต่จากการที่ไม่มีการสนับสนุนจากทาง Valve การเเข่งขันรายย่อยต่าง ๆ นี้ก็ยังคงไม่สามารถเพิ่มเงินรางวัลได้เท่าที่ควร ทำให้ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างงานใหญ่เเละงานเล็กของเกมนั้นจะดูห่างกันมากขึ้นทุกปี
ในปี 2015 Valve ได้พยายามเป็นครั้งเเรกในการเเก้ปัญหานั้น ด้วยการจัดการเเข่งขันในระบบ Major System จากที่เคยจัดเเค่ The International ในเเต่ละปี Valve ได้ทำการจับมือกับองค์กรเเละสปอนเซอร์ต่าง ๆ ในการจัดการเเข่งขันที่จะใหญ่ขึ้นในทุก ๆ ปี
โดยการให้ทั้งสปอนเซอร์เเละ Valve ออกเงินรางวัลร่วมกัน ทำให้การเเข่งขันรายย่อยมีตัวเลขเงินรางวัลที่ดี เป็นน่าสนใจเเละมีเเรงดึงดูดมากกว่าเเต่ก่อนมาก
ในปี 2017 – 2018 นั้นเป็นฤดูกาลที่การเเข่งขันนั้นคึกคักมาก มี Major ถึง 9 เเห่งถูกจัดขึ้นโดยเเต่เเละเเห่งมีเงินรางวัลรวมกกว่า 1 ล้านเหรียญ เเละยังมีการจัดวางระบบของ Dota Pro Circuit ซึ่งเป็นการคัดเลือกทีมสำหรับเเข่งขันใน The International อีกด้วย ระบบ Minor System ก็ถูกเพิ่มเข้ามาในช่วงนี้ ซึ่งเป็นการเเข่งขันที่เล็กกว่า มีเงินรางวัลอยู่ราว ๆ 300 เเสนเหรียญ ซึ่งในช่วงปีนี้มี Minor เกิดขึ้นถึง 13 ครั้ง ซึ่งจะนำไปสู่ Major ที่ใหญ่ขึ้นอีกที
เเละในปี 2018 เป็นต้นไปนี้ ระบบ Major เเละ Minor ได้ถูกจับให้เเข่งคู่กันไปเป็น 5 Major เเละ 5 Minor ในเเต่ละปี เพื่อความง่ายเเละลดความซับซ้อนของระบบคัดกรองด้วย DPC โดยการเเข่งขันจะมีเงินรางวัล เเละเเต้ม DPC ที่ทุกทีมต่างต้องเเข่งขันเพื่อเเย่งชิงกันไป
สรุป
กว่าที่ DotA จะกลายเป็น Dota2 ได้นั้น ต้องผ่านการเปลี่ยนเเปลงเเละต่อสู้มามากมาย เเละกว่าจะเป็นใหญ่ได้ในโลกของ Esport นั้น พวกเขาก็ได้ผ่านเรื่องเรามาไม่น้อยเช่นกัน DotA กลายเป็นเกมยักษ์ใหญ่ได้อย่างในปัจจุบัน ก็เพราะความร่วมมือเเละการเปลี่ยนเเปลงจากหลาย ๆ ฝ่าย
ทั้งกลุ่ม Fan-Made เดิมของ Warcraft III กลุ่มผู้เล่น Esport เริ่มเเรกที่เป็นผู้บุกเบิกการเกิดขึ้นของวงการ เเละ Valve บริษัทที่กล้าเสี่ยงที่จะผลักดันเกมนี้ไปสู่จุดสูงสุด ซึ่งก็เป็นที่เเน่ชัดเเล้วว่า ความพยายามของพวกเขานั้นได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อวงการเกมในปัจจุบัน
เเม้ทุกวันนี้ โลกอาจจะไม่ได้เป็นของ Dota 2 คนเดียว แม้การมาถึงของยุคใหม่อย่าง Smart Phone ก็เริ่มทำให้วงการ PC สั่นคลอน เเต่ Dota 2 เเละ MOBA ทั้งหลายนั้นก็จะยังคงอยู่และพัฒนาต่อไป ซึ่งเราก็หวังว่าในอนาคตจะยังคงมีเกม MOBA หรือแนวเกมใหม่ที่พัฒนาต่อจาก MOBA ให้เราเล่นกันต่อไปอย่างไม่รู้จบ
ขอบคุณบทความ เเละข้อมูลจาก esportsobserver.com
เรื่องน่ารู้
- ที่จริงเเล้ว DotA หรือ Dota นั้น สามารถใช้เรียกเกมได้อย่างถูกต้องทั้งคู่ เพราะ DotA นั้นเป็นการย่อจากคำเต็ม ส่วน Dota นั้นเป็นการอ่านชื่อใหม่ของ Valve
- ในประเทศไทยนั้น จะคุ้นเคยกับคำว่า “ดอทเอ” เสียมากกว่า เพราะเป็นการพูดติดมากมากจาก DotA All Stars
- Blizzard นั้นคิดจะทำ MOBA ของตนเช่นกัน เเต่ช้าไปมาก จนกระทั่ง Heroes of the Strom ออกมา ซึ่งก็เเทบจะเป็นช่วงพีคของ PC MOBA เเล้ว
- ทีมสร้างของ DotA นั้นส่วนหนึ่งกลายเป็น Riot Game เเละส่วนหนึ่งไปพัฒนา Dota2 ให้ Valve ดังนั้นทั้ง 3 เกมจึงเหมือนเป็นเกมสายเลือดเดียวกัน
- DotA นั้นมีชะตากรรมเหมือนเกมการ์ด Yugioh นั้นก็เพราะ DotA ก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของ Map มากมายของ WC3 เช่นเดียวกับการ์ดยูกิที่เคยเป็น 1 ในเกมมากมายในการ์ตูน เเต่สุดท้ายก็เหลือเเค่การ์ดเกมเท่านั้นที่ได้รับการพัฒนา และโด่งดังจนถึงในปัจจุบัน