ทีมพัฒนา Capcom มอบโอกาสให้ GamingDose ได้ลองสัมผัส Dead Rising Deluxe Remaster ล่วงหน้าก่อนวันออกวางจำหน่ายจริง แล้วเรารู้สึกอย่างไรกับเกมนี้ มาอ่านกันได้เลยในบทความพรีวิว
รับบทเป็น Frank West นักข่าวอิสระเข้ามาในเมืองเล็ก ๆ ชื่อว่า Willamette ในโคโลราโด หลังได้เบาะแสว่าเมืองนี้มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น หลังจาก Frank มาถึงห้างสรรพสินค้า ก็พบว่าตัวเองติดอยู่ในสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยกองทัพซอมบี้กระหายเลือด Frank ต้องใช้เวลา 72 ชั่วโมงในการรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด ก่อนจะถึงกำหนดการหนีออกจากห้างด้วยเฮลิคอปเตอร์
Dead Rising Deluxe Remaster คือการนำเกมต้นฉบับของปี 2006 มายกเครื่องดัดแปลงใหม่ด้วย RE Engine ซึ่งเป็นเอนจินเดียวกับที่ใช้สร้าง Resident Evil ภาคใหม่กับภาค Remake เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องกับคอร์เกมเพลย์แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากต้นฉบับ
ในพรีวิวนี้ ทีมงานได้ทดลองเล่นโหมดหลัก 72 Hours ตั้งแต่เริ่มต้น Case 1 ไปจนถึง Case 3 หรือประมาณ 20-30% ของคอนเทนต์ทั้งหมด จากที่สัมผัสมา สิ่งที่แตกต่างจากภาคต้นฉบับ คือภาพกราฟิกถูกอัปเกรดแบบยกใหญ่จนแทบเหมือนเป็นการ Remake ก็ว่าได้ ทั้งใบหน้า โมเดลตัวละคร อาวุธ เอฟเฟกต์แสง เงา เลือด ล้วนมีความสมจริงมากขึ้น รวมถึงท้องฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ ทำให้บรรยากาศในห้างมีความงดงาม ชวนให้เราได้ดื่มด่ำไปกับโลกเกมได้ง่ายดาย
ตัวละครเกือบทุกตัวได้อัดเสียงพากย์ใหม่ทั้งหมด รวมถึง NPC เสริมทุกตัวที่เคยเป็นใบ้ในเกมต้นฉบับ ในภาคนี้พวกเขาทั้งหมดมีเสียงเป็นของตัวเองแล้ว รวมถึงเอฟเฟกต์เสียง เช่นเสียงปืน การใช้เหล็กฟาดซอมบี้ การใช้ดาบญี่ปุ่นฟันซอมบี้จนตัวขาด มีคุณภาพคมชัดกว่าต้นฉบับ ก็มีผลช่วยให้การกำจัดซอมบี้สะใจมากขึ้นอีกด้วย
อีกส่วนหนึ่งที่ต้องกล่าวถึง คือมีการปรับปรุง Quality-of-Life หลายอย่างที่ทำให้การเล่นสะดวกสบายมากขึ้น และพูดได้มั่นใจว่าปัญหาจากเกมต้นฉบับ ได้รับการแก้ไขในเวอร์ชันนี้ ยกตัวอย่างเช่นใน Deluxe Remaster มีระบบ Auto-Save ช่วยสร้าง Checkpoint โดยอัตโนมัติหลังเข้าพื้นที่อื่น หรือก่อนเข้าต่อสู้กับ Psychopath ซึ่งเป็นการกำจัดข้อเสียของเกมต้นฉบับที่ไม่มี Auto-Save ทั้งที่มีจุด Save ค่อนข้างน้อย และต้องเสียเวลาเดินทางไปหาจุด Save ทุกครั้ง
นอกจากนี้ Frank West สามารถเดินระหว่างเล็งปืนได้ การควบคุมเองก็ปรับปรุงลื่นไหลขึ้น มีหลอดโชว์ชัดเจนว่าอาวุธจะพังตอนไหน และเราสามารถจิ้มหมุดตรงแผนที่ เพื่อมาร์กจุดที่เราต้องการจะไป และแผนที่บอกชัดเจนว่าร้านนี้ร้านนั้นคือร้านอะไร
รวมถึงในจุด Save ผู้เล่นสามารถกดข้ามเวลา เพื่อเร่งไปถึงช่วงกำหนดการเริ่มภารกิจหลักต่อไป แต่เอาจริง ๆ ส่วนตัวไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ฟีเจอร์นี้ในการเล่นครั้งแรก เพราะจะทำให้ผู้เล่นพลาดคอนเทนต์เสริมหลายอย่าง แต่ก็ยังถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์สำหรับคนต้องการ Skip เพื่อทำภารกิจหลักอย่างเดียว
ส่วนเกมการเล่นกับการดำเนินเนื้อเรื่องยังคล้ายเกมต้นฉบับ คือ ในเวลา 72 ชั่วโมง ผู้เล่นต้องทำภารกิจหลักให้ครบ แล้วเวลาว่างที่เหลือ (หลังทำภารกิจจบ) ผู้เล่นจะสามารถเดินเล่นในห้าง เพื่อทำภารกิจเสริมเป็นการช่วยเหลือ หาไอเทมเก็บอาวุธ ค้นหาความลับ ถ่ายรูปเก็บค่าประสบการณ์ หรือไล่สังหารซอมบี้ที่เปรียบเสมือนเป็นกระสอบทรายของ Frank ก็ได้
การทำภารกิจช่วยเหลือ ถือเป็นหนึ่งในฟีเจอร์หลักของ Dead Rising เพราะเราจะได้เจอเหตุการณ์ประหลาด ๆ หรือเผชิญหน้ากับบอส Psychopath แบบเซอร์ไพรส์ ซึ่ง Boss Fight ของเกมนี้ไม่ได้ยากมากเกินไปก็จริง แต่ก็ต้องใช้กลยุทธ์ และเตรียมอาวุธกับไอเทมฟื้นพลังให้พร้อมเพื่อเอาชนะมัน หากพบว่าตัวเองไม่พร้อมก็สามารถหนีออกจากพื้นที่ไปเก็บอาวุธ ไอเทม และอัปเกรดเลเวลของตัวเอง แล้วค่อยกลับไปสู้ใหม่ได้อีกครั้ง ส่วนอัตราการเกิดซอมบี้ในพื้นที่ก็เพิ่มมากขึ้นจากต้นฉบับ ได้ส่งผลต่อเกมเพลย์ให้การเล่นท้าทายกว่าเดิม เพราะทำให้เราต้องเดินหลบซอมบี้อย่างระมัดระวัง และช่วงเวลากลางคืนซอมบี้จะแข็งแกร่งกับอุกอาจมากขึ้น ทำให้การผจญภัยในห้างช่วงกลางคืนจะอันตรายกว่าช่วงกลางวัน
คล้ายภาคต้นฉบับ ตัวละคร Frank มีระดับเลเวลตัวละครที่สามารถอัปได้จากการเก็บค่าประสบการณ์ที่เรียกว่า PP อย่างการทำภารกิจ ถ่ายรูป และต่อสู้กับซอมบี้ ทุกครั้งที่ Frank เลเวลอัปจะเพิ่มความแกร่งของตัวละครตามลำดับ เช่น เพิ่ม HP สูงสุด, เพิ่มระยะการโยน และท่าต่อสู้ Melee ใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อการควบคุมฝูงซอมบี้ หรือหนีจากซอมบี้ได้
ไหน ๆ ก็พูดถึงภารกิจช่วยเหลือแล้ว พฤติกรรม NPC ที่สร้างความปวดหัวให้ผู้เล่นจากภาคต้นฉบับ ถูกแก้ไขในเวอร์ชัน Deluxe Remaster โดย NPC ของของเกมภาคนี้จะคอยพยายามติดตาม Frank ไม่ปล่อยให้ถูกรุมล้อมง่าย ๆ และจะโจมตีซอมบี้ทันทีเมื่อเข้าใกล้ตัว รวมถึงผู้เล่นสามารถกดออกคำสั่ง NPC ให้เดินติดตาม หรือชี้จุดที่ต้องเดินได้ แม้พฤติกรรม NPC ไม่ได้ฉลาดที่สุดที่สุด หรือมีโมเมนต์บ๊อง ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นการปรับปรุงที่ดีขึ้น และจะไม่มีโมเมนต์ NPC บ๊อง ๆ หรือ ไม่เป็นตัวถ่วงบ่อยเหมือนเกมภาคต้นฉบับอย่างแน่นอน
สำหรับฟีเจอร์ใหม่ของกล้อง เช่น การใส่ Filter ปรับแต่งภาพ และอื่น ๆ สามารถปลดล็อกได้จากการเก็บพาร์ทในร้านขายกล้อง นอกเหนือจากนั้นระบบโดยรวมยังคงเหมือนเกมต้นฉบับ คือผู้เล่นสามารถเก็บค่า PP ได้จากการถ่ายรูป โดยยิ่งภาพถ่ายมีความทรงพลังมากแค่ไหน ผู้เล่นก็ยิ่งได้รับค่า PP มากขึ้นเท่านั้น
จากการเล่น Preview ตั้งแต่ Case 1 ถึง 3 เราสรุปได้ว่า Dead Rising Deluxe Remaster คือการนำเกมต้นฉบับมาปรับปรุงทุกอย่าง แล้วนำข้อเสียจากเกมต้นฉบับมาแก้ไขใหม่ แต่แม้ Quality-of-Life ดีขึ้น เรารู้สึกว่าเกมยังขาดฟีเจอร์บางอย่างที่ช่วยให้การเล่นสะดวกสบาย อย่างเช่น Minimap ที่หน้า HUD , Weapon Wheel (ล้อเลือกอาวุธ) และการจัดเรียงอาวุธ ซึ่งเราก็หวังว่าทีมงาน Capcom จะเพิ่มฟีเจอร์ทางเลือกเหล่านี้ในวันวางจำหน่าย หรือหลังวันออกขายเกมอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 กันยายนนี้