26 พฤศจิกายน 2021 – หลังจากเห็นการเปิดตัวผู้เข้าชิงรางวัลสาขาต่าง ๆ ของ The Game Awards ประจำปีนี้ ก็ต้องบอกว่าไม่น่าแปลกใจนักที่ปีนี้ดูไม่ค่อยจะดุเดือดสักเท่าไร เพราะเกมฟอร์มใหญ่ต่าง ๆ ถูกเลื่อนวางจำหน่ายไปเป็นช่วงปี 2022 รวมไปถึงเกมที่เปิดตัวภายในปีนี้ต่างก็เจอปํญหาจนล้มคว่ำระเนระนาดกันไปถ้วนหน้า ในขณะที่เกมอินดี้หรือเกมเกรดเล็กที่เป็นเพชรเม็ดงามแต่ถูกหลายคนมองข้าม กลับมีอยู่เยอะมาก ส่วนตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบและมองหาเกมอินดี้เจ๋ง ๆ มาเล่นเป็นประจำอยู่แล้ว และนี่คือเกมหนึ่งที่ถูกมองข้ามมาตลอด และควรจะได้รับความสนใจได้แล้ว หลังจากการอัปเดตล่าสุดที่ตัวเกมออกจากสถานะ Early Access กลายมาเป็นเกมตัวเต็มแล้ว และนี่คืออีกเกมแนว Roguelike ที่สนุกและดุเดือดมาก ๆ เกมหนึ่ง กับ Gunfire Reborn
รู้จักเกมนี้กันแบบคร่าว ๆ
ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนอาจจะรู้จักเกมนี้กันมาบ้างแล้ว Gunfire Reborn เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2020 แล้ว แต่เป็นในรูปแบบ Early Access ซึ่งก็เหมือนกับเกม Early Access ทุกเกม ที่ช่วงเปิดตัวกับช่วงเกมเต็มนั้น แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ผู้เขียนเองก็ซื้อเกมนี้มาเล่นตั้งแต่ตอนเปิดตัวครั้งแรกเหมือนกัน แล้วก็หยุดเล่นไปนานมาก เพราะรู้สึกว่าเกมมันยังดีได้มากกว่านี้
Gunfire Reborn เป็นเกมแนวที่ผู้เขียนชอบเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะออกมากี่เกม ๆ ถ้าโดนใจจริง ๆ ก็ซื้อหมด และนั่นคือแนว Roguelike เกมแนวนี้ผู้เล่นจะไม่ได้ตายซ้ำตายซากแบบเกมแนวโซล แต่มีความจำเป็นที่จะต้องตาย เพื่อให้ตัวละครได้รับการอัปเกรดแบบถาวร จากนั้นกลับไปเล่นซ้ำใหม่อีกรอบ ด้วยความสามารถที่สูงขึ้น ตัวเกมพัฒนาโดยส๖ูดิโอเกม Duoyi จากฮ่องกง และมีจุดเด่นของตัวเองสูงมาก อย่างแรกคือเหล่าตัวละครภายในเกม ที่ในช่วงแรกมีให้เล่นอยู่เพียง 2 ตัวเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีให้เล่นหลายตัวมาก และใครที่เป็นคนรักสัตว์ก็น่าจะชอบ เพราะเกมนี้ตัวละครต่าง ๆ ใช้สัตว์เป็นต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็นพี่หมาจอมลุย น้องแมวนักผจญภัย นกจอมเท่ และอื่น ๆ อีกมากมาย แถมแต่ละตัวยังออกแบบสกิลมาได้ดีมาก จนไม่ได้รู้สึกว่ามีตัวไหนเกินหน้าเกินตากันและกันเลย แต่ละตัวล้วนมีจุดเด่นของตัวเองกันทั้งสิ้น
เกมเพลย์ที่เดือดแบบลงตัว ระหว่าง Roguelike + Action RPG
ปกติแล้วเกม Roguelike ทุกตัวจะมีระบบการเล่นแบบ RPG แฝงอยู่ด้วย เกมนี้ก็มีเช่นกัน แต่ไม่ใช่ RPG เพียวขนาดนั้น ตัวเกมจะเริ่มต้นจากจุดเริ่มต้น ผ่านสถานที่ต่าง ๆ และทุก ๆ ฉากสุดท้ายของสถานที่นั้นจะมีบอสรออยู่ แต่ละสถานที่ก็มีทั้งสุสานโบราณ ทะเลทราย หมู่บ้านลึกลับ และอื่น ๆ อีกมากมาย แน่นอนว่าจุดเด่นของเกม Roguelike เลยก็คือสกิลและความสามารถรวมไปถึงอาวุธของผู้เล่นจะต้องมากพอที่จะเป็นทางเลือกในการพลิกแพลงรูปแบบการเล่น ซึ่ง Gunfire Reborn นั้น “เยอะ” แทบจะทุกอย่าง
สิ่งที่ทำให้เกมแนว Roguelike แตกต่างจากเกมแนว Souls ก็คือ ทุกครั้งหลังความตาย ผู้เล่นจะได้อะไรบางอย่างกลับมาเสมอ และเป็นสิ่งที่จะอยู่กับเราแบบถาวร ในกรณีของเกม Souls นั้น สิ่งที่เราจะได้ อาจไม่ใช่ของในเกม แต่เป็นการจดจำว่าศัตรูแต่ละแบบ จุดอับแต่ละจุด มีศัตรูดักอยู่ และมันจะโจมตีแบบนี้ ทำให้เราสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่กับเกม Roguelike สิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นแต้มอัปเกรด หรือการปลดล็อคใหม่ ๆ ที่ทำให้ตัวละครของเราแข็งแกร่งขึ้นแทน โดย Gunfire Reborn ก็จะมีรูปแบบนี้ ทุกครั้งที่เราตาย จะได้นำแต้มวิญญาณมาอัปเกรดสกิลใหม่ ๆ โดยสกิลทั้งหมดจะใช้ร่วมกันกับทุกตัวละคร แต่จะมีสกิลฮีโร่เฉพาะเท่านั้น ที่้ตองอัปแยกกัน
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนชื่นชอบ Gunfire Reborn เป็นพิเศษก็คือ “ความดุเดือด” ของเกมเพลย์การเล่น ชนิดที่ว่า หาก Hades เป็นเกมแนว Roguelike ที่เน้นการนัวระยะประชิด Gunfire Reborn ก็คือการนัวกันด้วยลูกปืนและอาวุธปืนทั้งหลาย ด้วยความสามารถพิเศษของปืนแต่ละกระบอกที่มีเยอะแยะมากมายให้เราได้เลือกใช้กันผสมผสานกับสกิลของแต่ละตัวละคร ทำให้ทุกการต่อสู้ของเกมนี้มันเข้มข้น และดุเดือดมาก ๆ โดยเฉพาะช่วง Boss Fight ที่นั่งเล่นกันแบบตึง ๆ เพราะถ้าพลาดถูกโจมตีขึ้นมา แค่ครั้งสองครั้งก็อาจจะกลับไปเกิดใหม่เลยก็ได้ ถ้าคุณมองหาเกมที่ทำให้คุณนั่งติดหน้าจอได้ต่อเนื่อง เกมนี้น่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่เกมที่ทำได้
ศัตรูแต่ละประเภทจะถูกออกแบบมาให้มีความสามารถในการกดดันผู้เล่นแบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบุกเข้าตีประชิด การยิงโจมตีจากระยะไกล การ One Hit แบบดาเมจมหาศาลที่ทำให้ผู้เล่นช็อคจนเสียหลัก ซึ่งนี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมาก เป็นเกม Roguelike ที่ต้องอาศัยสติและความใจเย็นมาก ๆ และที่ชื่นชอบก็คือ Boss Fight ที่การเจอกันครั้งแรกมักจะสร้างความตื่นเต้นให้คุณได้เสมอ เพราะคุณจะไม่รู้เลยว่าการโจมตีของบอสแต่ละตัวนั้นมีความสามารถอะไรบ้าง ทำให้การต่อสู้ครั้งแรกมีความลุ้นระทึกอยู่เสมอ ว่าเราจะรอดไหม หรือชิงตายไปก่อนบอส เป็นอีกเกมแนว Roguelike ที่แนะนำมาก ๆ ในตอนนี้ และจุดเด่นอีกข้อคือการเล่นแบบ Co-op ชวนเพื่อนมาเล่นได้ ยิ่งทำให้ความสนุกเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า
กราฟิก และ “ภาษาไทย” ในเกม
น่าประทับใจที่วงการเกมตอนนี้ เรามีเกมภาษาไทยจาก Official ให้เล่นกันแบบมากมายนับไม่ถ้วนจริง ๆ (ยังไม่รวมม็อดจากแฟนเกม) แต่ขอวกมาที่เรื่องของกราฟิกภายในเกมกันก่อน แม้ว่าภาพงานศิลป์ของเกมนี้จะออกแบบตัวละครมาได้เท่มาก ราวกับดูอนิเมชั่นอยู่เรื่องนึง แต่กราฟิกในเกมนี้ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก และเทำให้ Gunfire Reborn เป็นอีกหนึ่งเกมที่พิสูจน์ได้ว่าเกมที่สนุกและดี ภาพหรือกราฟิกอาจเป็นปัจจัยรอง
กราฟิกภายในเกมนี้นั้น ใช้ Unity ผสมผสานกับ C++ ทำให้แม้ว่ากราฟิกในเกมจะดุไม่ค่อยสวยงามนัก แต่ก็ถือว่าไม่ได้แย่เลย และจะโดดเด่นในด้านของสีมาก ๆ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ อาจจะดูหยาบ ๆ ไปบ้าง แต่เราคงไม่มีเวลาไปนั่งจดจ่อ Texture ท่ามกลางดงกระสุนเป็นแน่แท้
ในขณะที่ภาษาไทยของเกมนั้น ได้รับการปรับปรุงจากช่วง Early Access ขึ้นมาบ้าง แต่ภาพรวมการแปลก็ยังมีจุดบกพร่องอยู่บ้าง เช่นชื่อตัวละครที่ยังมีการใช้ไทยคำอังกฤษคำ หรือแม้แต่การแปลชื่อสกิลเป็นภาษาไทยที่บางทีก็สลับกันจนงงไปเลยก็มีเหมือนกัน แต่หากใครที่ไม่เชี่ยวภาษาอังกฤษก็ถือว่าช่วยได้เยอะอยู่
ต้องบอกว่าเป็นเกมมาแรงที่น่าจับตามองกันต่อไป หลังจากออกจากสถานะ Early Access แล้ว ว่าจะมีไม้เด็ดอะไรมาให้ผู้เล่นได้เล่นกันอีก แต่สำหรับสัปดาห์นี้ ใครที่มองหาเกมเจ๋ง ๆ เล่น ชอบความท้าทาย เล่นได้แบบยิงยาว ๆ ก็ไม่น่าจะมีเกมไหนโดดเด่นเกินเกมนี้แล้ว