ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับเครื่องคอนโซลน้องใหม่ไฟแรงจากคุณปู่แห่งวงการเกมอย่าง Nintendo Switch เรียกได้ว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะมีอายุครบ 2 ปีกันแล้ว โดยที่ยังมีเกมป้อนลงเรื่อย ๆ และสามารถทำยอดขายได้เรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม ทางผู้เขียนเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ครอบครองเจ้าเครื่องนี้อยู่ หรือกำลังที่จะเล็งซื้อเจ้าเครื่องเกมนี้อยู่นั้นก็น่าจะให้ความสนใจกับเจ้า “อุปกรณ์เสริม” อยู่ไม่น้อย ที่มีจำนวนเยอะและเพียบเสียเหลือเกิน แต่อาจจะไม่รู้ว่าอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง ! และเหมาะกับไลฟ์สไตล์การเล่นเกมของคุณไหม ?

เพราะฉะนั้นในบทความนี้ทาง GamingDose จะขอลองหยิบอุปกรณ์เสริมของ Nintendo Switch มาแนะนำกัน และนี่ก็คือ “7 อุปกรณ์เสริมของ Nintendo Switch ที่น่าลองหามาใช้งาน” โดยจะมีอุปกรณ์เสริมอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น เรามาดูกันเลยดีกว่าครับ

ฟิล์มกันรอย (Screen Protector)

เหมาะสำหรับ : “เกือบทุกคน” ที่ครอบครองเครื่อง Nintendo Switch ไว้ในมือ

ถือเรียกได้ว่า “ของมันต้องมี” ถึงแม้หน้าจอของตัวเครื่อง Nintendo Switch จะมีความทนทานในแง่ของความแข็งแกร่งที่สูงกว่าหน้าจอตามตลาดโดยทั่วไป เนื่องจากตัวหน้าจอของ Nintendo Switch นั้นใช้ “พลาสติก” เป็นวัสดุหลัก ทำให้มีความทนทานและแตกได้ยากกว่าหน้าจอที่เป็นกระจก

แต่แน่นอน ขึ้นชื่อว่าของใช้ของเล่นแล้ว เมื่อคุณใช้ไปนาน ๆ ก็ย่อมมีตำหนิหรือเป็นรอยเป็นเรื่องปกติอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นหากคุณต้องการที่จะรักษาหน้าจอของ Nintendo Switch สุดที่รักแล้วละก็ เราก็ขอแนะนำให้คุณติดฟิล์มกันรอยเพื่อปกป้องหน้าจอของคุณจากรอยขีดข่วนต่าง ๆ ครับ

Joy Con Controller

เหมาะสำหรับ : สายทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว และพวกรวยเพื่อนที่ชอบเล่นเกมเป็นปาร์ตี้หมู่คณะที่บ้านหรือนอกสถานที่

หากคุณเป็นสายที่รวยเพื่อนหรือชอบเล่นเกมร่วมกับครอบครัวแล้ว เราขอแนะนำให้คุณซื้อ Joy-Con มาเพิ่มเติม โดยจากเดิมที่ตัวเครื่องจะมีมาให้สองตัว ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอต่อเพื่อนฝูงหรือครอบครัวใหญ่ ๆ ซึ่งเกมที่ต้องเล่นหลาย ๆ คนพร้อมกันในแบบของปาร์ตี้มักจะเล่นได้สูงสุดถึง 4 คนด้วยกัน อย่างเช่นพวก Super Mario Party, Overcooked 2 และ Super Smash Bros. : Ultimate

เพราะฉะนั้นเราขอแนะนำว่าหากคุณจะซื้อ Joy-Con เพิ่ม เพื่อที่จะให้พอดีกับ 4 คนนั้น ก็ให้ซื้อแบบกล่องที่ขายเป็นคู่ดีกว่า เพราะราคาจะถูกกว่าและคุ้มค่ากว่าซื้อแบบเดี่ยว ๆ สองอันครับ

กระเป๋าพกพาสำหรับ Nintendo Switch

เหมาะสำหรับ : เกมเมอร์สายที่ชอบเล่นแบบพกพา หรือชอบขนเครื่อง Nintendo Switch ไปเล่นข้างนอกบ้าน

ไม่ได้มีเจตนากวนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มันก็คือกระเป๋าดี ๆ นี่แหละ โดยกระเป๋าสำหรับ Nintendo Switch นั้นจะแบ่งออกมาได้เป็นสองประเภทใหญ่ ๆ จัดว่าชัดเจนว่าแต่ละประเภทใช้งานแบบไหน ได้แก่

1.) แบบพกพา : สำหรับสายที่เล่น Nintendo Switch แบบพกพา (Portable Mode) ที่ต้องการจะนำเจ้าเครื่องไปเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งการมีกระเป๋าดี ๆ จะช่วยทำให้การพกพาเครื่อง Nintendo Switch นั้นมีสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยบางกระเป๋าจะมีช่องสำหรับใส่ตลับเกมมาให้ด้วย ทำให้เราสามารถพกเกมหลาย ๆ เกมไปเล่นได้

2.) แบบขนทัังเครื่อง : สำหรับสายที่ชอบเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นบ้านเพื่อน โรงแรม บ้านพักตากอากาศ และต้องการที่จะเล่นเกมหรือสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ข้างนอกบ้าน โดยเจ้ากระเป๋าประเภทนี้จะมีขนาดที่ใหญ่และออกแบบให้ใส่ได้ทั้งตัวเครื่อง Nintendo Switch, ตลับเกม และตัว Dock สำหรับต่อเข้าจอโทรทัศน์ เรียกได้ว่าครบครันครับ

Joy Pro Controller

เหมาะสำหรับ : เกมเมอร์ผู้ที่ต้องการจอยที่ทนไม้ทนมือ และเกมเมอร์ที่ชอบในการเล่นเกมแอคชั่นล้างผลาญ

สำหรับสายเกมแอคชั่นที่ต้องรัวปุ่มยิก ๆ และซีเรียสกับเกมพอสมควรนั้น Joy Con เดิม ๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ เนื่องจากตัวจอยถูกออกแบบให้เล่นเกมที่มีการควบคุมที่ไม่ค่อยซับซ้อนเสียเท่าไหร่นักในแบบของ Nintendo เอง

ด้วยเหตุนี้ เพื่อตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์ที่ต้องกดจอยหนัก ๆ หรือเล่นเกมหนัก ๆ โดยเฉพาะกับเกม Bayonetta นี่แทบจะเป็นไฟล์บังคับเลยว่าต้องมีเจ้านี่จริง ๆ  ทาง Nintendo จึงได้วางจำหน่าย “Joy Pro Controller” เพื่อเหล่าเกมเมอร์เหล่านี้ โดยจุดเด่นของเจ้า Joy Pro ตัวนี้ก็คือตัวจอยจะมีการวางปุ่มแบบที่ราคาคุ้นเคยกันดี มีความทนทานที่มากกว่า Joy Con และปุ่มทิศทางเป็น D-Pad ทำให้เหมาะกับการเล่นเกมแอคชั่นหรือเกมที่ต้องไวและมีความซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง แถมยังมาพร้อมกับฟีเจอร์แบบเดียวกับ Joy-Con อย่าง HD Rumble, Motion Control, NFC และรองรับระบบไร้สายอีกด้วยครับ

Joy-Con with D-Pad

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ชื่นชอบปุ่มทิศทางเนื้อเดียวอย่าง D-Pad หรือไม่ชอบปุ่มกลมที่อาจจะกดยากและไม่ถนัดมือ

“หาก Nintendo ไม่ทำ Joy-Con ที่มี D-Pad ออกมา ผมจะหมด Passion ที่จะพัฒนาเกม Bayonetta 3 จริง ๆ นะ”

Hideki Kamiya บิดาแห่งซีรี่ส์เกม Devil May Cry และ Bayonetta

หากคุณไม่ชอบปุ่มทิศทางของ Nintendo Switch ที่เป็นปุ่มกลม ๆ แยกล่ะก็ เราขอแนะนำให้รู้จักกับ “Joy-Con with D-Pad” ที่จะเปลี่ยนปุ่มกลม ๆ แบน ๆ ให้เป็น D-Pad ที่สุดแสนจะใช้งานได้ดีและถนัดมือมากขึ้น

โดยเจ้า Joy-Con with D-Pad นั้นจะมีขายแค่เฉพาะแบบข้างซ้ายเท่านั้น และไม่มีฟีเจอร์แบบที่ Joy-Con มี อย่าง HD Rumble, NFC แถมยังไม่สามารถใช้แบบไร้สายได้ และต้องเสียบกับเครื่องเอาไว้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเจ้า Joy-Con with D-Pad จะใช้งานได้เฉพาะกับโหมดเครื่องพกพาเท่านั้นครับ

Joystick จากทาง Third-Party

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการใช้งานจอยทรง Xbox หรือทรง Joy-Pro ในราคาที่ถูกกว่าเท่าตัว

Joy-Pro Controller ราคาแพงเกินไปสำหรับคุณใช่หรือไม่ ?? ไม่มีปัญหาครับ เพราะทาง Nintendo ได้ให้สิทธิ์กับทาง Third-Party ในการออกจอยตัวใหม่ที่เป็นดั่งเหมือน Joy-Pro เวอร์ชั่นลดทอนฟีเจอร์และราคาถูกกว่าเกินครึ่ง โดยสิ่งที่ได้ถูกตัดไปนั้นก็จะเป็นเรื่องของ HD Rumble, NFC และ Motion Control เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับสายเล่นเกมทั่วไปแบบเน้น ๆ กันเลยทีเดียว

นอกจากนี้แล้ว Joystick เหล่านี้ยังมีหลายแบบและหลายสีให้เลือกเล่นมากกว่าของ Nintendo เองเสียอีก โดยสำหรับผู้ที่ไม่ได้ซีเรียสกับฟีเจอร์ของจอย Nintendo Switch ดั้งเดิมอะไรมาก จอยเหล่านี้จะเป็นตัวเลือกที่ดีและเหมาะสมสำหรับคุณ แถมยังประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วยครับ

Joy-Con AA Battery Pack

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการความอึดของแบตเตอร์รี่ของ Joy-Con ที่มากกว่าเดิม (จากเดิมที่โคตรอึดอยู่แล้ว)

เดิมทีนั้นทาง Nintendo เคลมไว้ว่าแบตเตอรี่ Joy-Con จะใช้งานได้ถึง 20 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งรอบ ซึ่งถือว่าอึดและใช้ได้อย่างยาวนานเป็นอย่างมาก แถมตัว Joy Con สามารถชาร์จเอาไว้ได้โดยการเสียบไว้กับตัวเครื่องที่เสียบกับ Dock เรียกได้ว่าหากไม่บ้าระห่ำเล่นจริง ๆ หรือต่อให้บ้าระห่ำขนาดไหน แต่แบตเตอรี่ของ Joy-Con ก็ไม่มีทางหมดง่าย ๆ แน่นอน

แต่หากคุณยังคงคิดว่า “โห 20 ชั่วโมง เล่นแค่วันเดียวก็หมดแล้ว” ล่ะก็ เราขอแนะนำอุปกรณ์เสริมที่จะเพิ่มแบตเตอร์รี่ของตัว Joy-Con ให้อยู่ได้นานขึ้นไปอีก อย่าง “Joy-Con AA Battery Pack” โดยตัวของมันจะเป็นเหมือน Straps ที่มีด้านจับขนาดใหญ่และมาพร้อมกับช่องใส่ถ่าน AA ที่จะเพื่มพลังงานของแบตเตอร์รี่ให้อึดและอยู่ยาวขึ้นไปอีกครับ

ก็จบกันไปแล้วนะครับ สำหรับการแนะนำอุปกรณ์เสริมของ Nintendo Switch โดยทางผู้เขียนหวังว่าบทความตัวนี้จะช่วยให้ผู้ที่ถือครอง Nintendo Switch อยู่ หรือกำลังเล็งที่จะซื้อเครื่องตัวนีัได้รู้เรื่องเกี่ยวกับอุปกรณ์เสริมมากขึ้น ว่ามีอันไหนที่น่าสนใจและอาจจะเหมาะกับคุณบ้าง

ซึ่งของแบบนี้แน่นอนว่าทาง Nintendo เขาไม่ได้บังคับให้ซื้อหรอก แต่กับอุปกรณ์บางอย่างนั้น หากมีเอาไว้ก็ย่อมดีกว่าไม่มีอย่างแน่นอนครับผม

เกร็ดความรู้และคำแนะนำทิ้งท้าย

• หาก Nintendo Switch ของคุณใช้เฟิร์มแวร์ตัวเก่า เจ้า Joy-Con with D-Pad ของ Hori จะมีปัญหาในการจัดการแบตเตอรี่ ซึ่งหากคุณใช้เจ้านี่ในการเล่นเกม แบตเตอร์รี่ของคุณจะลดไวฮวบ ๆ เป็นอย่างมาก แต่ปัญหานี้ก็ได้ถูกแก้ไขแล้วในเฟิร์มแวร์ตัวใหม่ เพราะฉะนั้นอย่าลืมอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้เป็นตัวล่าสุดก่อนใช้งานด้วย
• หากคุณเป็นผู้ที่ดูแลรักษา  Nintendo Switch อย่างทะนุถนอมเป็นอย่างดีอยู่แล้วนััน “ฟิล์มกันรอยนิ้วมือ” อาจจะเป็นตัวเลือกที่เวิร์คกว่าฟิล์มกันรอย
• ไม่แนะนำให้ใช้ Tempered Glass (กระจกกันรอย) กับ Nintendo Switch เพราะค่อนข้างจะสิ้นเปลือง ด้วยตัวหน้าจอของ Nintendo Switch ที่ทำจากพลาสติกและมีความทนทาน แค่ติดฟิล์มก็เพียงพอแล้ว (เว้นแต่คุณอยากจะติดกระจกกันรอยจริง ๆ)
• Joy-Pro กับ Bayonetta ที่ว่ากันว่าเป็น “ของที่ต้องมี” นั้น ผู้เขียนไม่ได้มโนไปเอง แต่ผู้เขียนได้ไปเก็บข้อมูลกลุ่มผู้เล่น Nintendo Switch ทั้งในไทยและต่างประเทศ แทบทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ควรเล่น Bayonetta ด้วย Joy-Con ปกติ”
• คุณอาจจะใช้ประโยชน์ของตัวใส่ถ่านของ Battery Pack Strap ในการช่วยทำให้การควบคุม Motion Control ถนัดมือมากขึ้น โดยเฉพาะกับเกม Arms
• หากคุณจะซื้ออุปกรณ์เสริมทั้ง 7 ชิ้นที่ผู้เขียนได้แนะนำน้้น ราคารวมของอุปกรณ์เสริมทั้งหมดนั้นอาจจะแพงกว่าตัว Nintendo Switch เองเสียอีก เรียกได้ว่าคำที่สาวก Nintendo ชอบพูดว่า “เครื่องหลักหมื่น อุปกรณ์เสริมหลักแสน” นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ไกลความจริงเลย
• อ๋อ ใช่แล้ว บทความนี้ไม่ได้พูดถึง Amiibo, Nintendo Labo และ GameCube Controller ซึ่งไม่ต้องแปลกใจไป เพราะผู้เขียนจะทำบทความแยกต่างหาก เนื่องจากว่าทั้งสามสิ่งนี้มีรายละเอียดที่ค่อนข้างเยอะครับ (ฮ่า ๆ)