วีดีโอเกมกับเนื้อหาการเมืองมีมาตั้งแต่เกมปลายปี 1990 แล้ว แต่สำหรับโลกในปัจจุบันซึ่งขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจ ฉะนั้นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวเป็นอย่างมาก ซึ่งทางทีมงาน The Division จึงพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกมมีเนื้อหาการเมืองมากจนเกินไป เพราะเชื่อว่าส่งผล ‘ไม่ดี’ ต่อวงการเกมและธุรกิจ
อ้างอิงจากเว็บไซต์บทสัมภาษณ์ระหว่าง GamesIndustry กับ คุณ Alf Condelius ตำแหน่ง COO สตูดิโอ Massive ผู้รับผิดชอบเกมซีรี่ส์ Tom Clancy’s: The Division ได้กล่าวว่าไม่อยากจะให้เกมมีเรื่องราวความขัดแย้งทางการเมืองและต้องการหลีกเลี่ยงธีมดังกล่าวให้ได้มากที่สุด เพราะเชื่อว่าอาจจะสร้างความขัดแย้งต่อสังคมหรือส่งผลต่อธุรกิจเกมโดยรวม (ไม่ว่าจะเป็นยอดขายหรือภาพลักษณ์) โดยเขาได้กล่าวแนวทางของเกม The Division ไว้ว่า
เนื้อเรื่องของ The Division จะเป็นฉากเซตติ้งในยุคดิสโทเปียในอนาคต และมีผู้เล่นหลายคนได้คาดเดาว่าอนาคตของโลกเราจะมีลักษณะอย่างไรต่อไป แต่ไม่เลย เราไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น มันเป็นเพียงแค่เรื่องราวที่แฟนตาซีขึ้นมา เกี่ยวกับวิธีการใช้ชีวิตและเป็๋นคนดีในขณะโลกของเกมพังทลายลงอย่างช้า ๆ และมีแต่คนชั่วร้าย
แต่หลายคนมักจะตีความและสอดแทรกเรื่องการเมืองอยู่เสมอ และพวกเราได้พยายามที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นเท่าที่จะทำได้ เพราะทีมงานไม่อยากแสดงจุดยืนการเมืองข้างใดข้างหนึ่งในโลกความเป็นจริง และยิ่งไปกว่านั้นมันส่งผลเสียต่อธุรกิจเกมโดยรวมอีกด้วย
เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่สิ่งที่พูดมาเป็นความจริงที่พวกเราเชื่อครับ
– Alf Condelius
เกมของค่าย Ubisoft มักจะมีเนื้อหาสอดแทรกการเมืองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ส์ Assassin Creed, FarCry 4 หรือล่าสุดเกม Watch_Dogs 2 ซึ่งเกม The Division ก็มีเนื้อหาประเภทอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้นำเสนออย่างชัดเจนหรือมีเนื้อหาเยอะ เพราะเป็นที่เน้นเกมการเล่นและนำเสนอการก่อการร้ายยุคใหม่ซะมากกว่า
ก็ต้องติดตามกันต่อไปสำหรับแนวทางเกม The Division 2 จะยังคงนำเสนอในรูปแบบดั้งเดิมหรือสอดแทรกเนื้อหาการเมืองให้เข้มข้นมากขึ้น คำตอบอยู่ที่วันวางจำหน่ายในวันที่ 15 มีนาคม 2019 ในแพลตฟอร์ม PC, PS4 และ Xbox One ครับ