ดูเหมือนบทเรียน “การรอบรู้ทั่ว 360 องศา” เพื่อเอาตัวรอดในเกม Multiplayer FPS จะไม่สามารถใช้ได้สำหรับบางเกมซะทีเดียว
เจ้าสำนักข่าว Nikkei ได้ทำการพิสูจน์เปรียบเทียบด้วยการให้ผู้เล่นเกม FPS จำนวนสองคน โดยคนหนึ่งเป็นนักเล่นเกมมือสมัครเล่น (ชุดสีขาว) กับอีกคนหนึ่งเป็นโปรเพลเยอร์ Call of Duty ชาวญี่ปุ่น “Leisia” สังกัดในทีม Libalent Vertex (ชุดสีดำ) มาเล่นเกม Call of Duty: Modern Warfare พร้อมกับสวมแว่นตาที่มีอุปกรณ์เซนเซอร์อินฟราเรด และมีกล้องจับดวงตา
プロゲーマーとアマチュアの差は、視線に表れる。
視線の専門家は「ショットを打つ時のプロゴルファーと似ている」と分析する。
eスポーツの最前線をビジュアルデータで解説する。
eスポーツ 熱狂の正体・番外編#ストーリーhttps://t.co/44Ogro9vsA pic.twitter.com/7dmt4qece7— 日本経済新聞 電子版(日経電子版) (@nikkei) November 26, 2019
หากอ้างอิงจากรายละเอียดของวิดีโอคลิป กล่าวว่าเมื่อสายตา Leisia จะเพ่งเล็งไปตรงจุดใดจุดหนึ่ง จุดสีแดงจะนิ่งกับขยายโตมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงสายตาของเขาจะจับจ้องมองที่ศัตรูตลอดเวลา ในขณะที่เขายังคงระมัดระวังสภาพแวดล้อม เสียง และรับข้อมูลระหว่างการเล่นเกม เช่น Mini-Map กับเข็มทิศระหว่างการเดิน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการมองเห็นเปรียบเทียบว่าเป็นวิธีแบบเดียวกับนักกอล์ฟระดับมืออาชีพ
ในขณะฝั่งของผู้เล่นเกมมือสมัครเล่น สายตาของเขามักจะมองจากสภาพแวดล้อมโดยไม่มีการโฟกัสไปยังจุดใดจุดหนึ่ง และขณะที่เขากำลังเดิน สายตาของผู้เล่นยิ่งหลุดโฟกัสกว่ายืนปกติ รวมเวลาเล็งเป้าสายตาสอดส่องซ้าย-ขวาเล็กน้อย ซึ่งตรงกันข้ามกับ Leisia ที่เขาจะเล็งหน้าจออยู่ตรงกลางอย่างสม่ำเสมอเกือบตลอดเวลา โดยช่วงหลังของคลิป Leisia กล่าวว่าเขาพยายามจะจินตนาการตลอดเวลาว่าศัตรูจะมาจากทางไหน เพื่อเขาสามารถเตรียมตัวรับมือกับศัตรูได้ทันที
ก็ถือว่าบทวิเคราะห์อย่างหนึ่งน่าสนใจใช้ได้ทีเดียว แต่ถ้าเป็นไปได้ ผู้เขียนคาดหวังว่าอยากให้มีการทดลองเกม FPS ที่หลากหลายมากกว่านี้ เนื่องจากเกม FPS แต่ละเกมมีลักษณะการเล่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ในขณะที่เกม Call of Duty จะเน้นลูกเล่นแอ็กชันเป็นหลัก แต่ Counter-Strike: Global Offensive จะเน้นการวางแผน ซึ่งจะทำให้พฤติกรรมการเล่นของผู้เล่นเกมได้มีผลลัพธ์ที่หลากหลายขึ้นครับ