บุคคลสำคัญของวงการวิดีโอเกม ยังคงออกมาปกป้องวิดีโอเกมอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลโยนความผิดให้เกมว่าเป็นส่วนหนึ่งของความรุนแรงในชีวิตจริง
PC Gamer รายงานจากรายการโทรทัศน์ Mad Money ที่สัมภาษณ์กับนาย Strauss Zelnick ประธานและ CEO แห่ง Take-Two Interactive ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในฐานะตัวแทนวางจำหน่าย Grand Theft Auto V จนสามารถขายทะลุ 110 ล้านแผ่น ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กับสมาชิกพรรครีพับลิกัน กล่าวโทษวิดีโอเกม เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดแรงจูงใจในการสร้างความรุนแรงด้วยอาวุธปืน ซึ่งเขาได้ก็กล่าวปกป้องวิดีโอเกมว่า การที่ชี้นิ้วโทษสื่อบันเทิง ถือว่าเป็นการ ‘ไม่ให้เกียรติ’ ต่อเหยื่อ โดย Strauss กล่าวว่า
ผมว่าการชี้นิ้วโทษต่อสื่อบันเทิง มันเป็นการไม่ให้เกียรติต่อเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย หรือครอบครัวอื่น ๆ
สื่อเอนเตอร์เทน เป็นการมอบความอบอุ่นกับความสนุกสนานจนกลายส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้วทั่วโลก
การก่อความรุนแรงด้วยปืนกลายเป็นเอกลักษณ์ของประเทศ (อเมริกา)ไปแล้ว สิ่งนั้นควรได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่ง และมันจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ก็ต่อเมื่อเราแก้ปัญหาอย่างจริงจังเท่านั้น
– Strauss Zelnick
เขาออกมากล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าหากวิดีโอเกมสามารถส่งความรุนแรงได้จริง เขาก็คงไม่ทำธุรกิจขายเกมจนถึง ณ ตอนนี้ เพราะเขาก็ไม่ชื่นชอบการค้าขายผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ประชาชนต้องมอมเมาหรือเกิดอาการป่วยเช่นกัน
นอกจาก Strauss Zelnick จะออกมาปกป้องสื่อวิดีโอเกมแล้ว ก่อนหน้านี้ นาย Reggie Fils-Aimé อดีตประธาน Nintendo แห่งอเมริกา ก็ออกได้ออกมาปกป้องอุตสาหกรรมเกมผ่านโลกโซเชียล ด้วยการเล่าเรื่องมหัศจรรย์ในคอมมูนิตี้เกม พร้อมเปรียบเทียบสถิติระหว่างอัตราการตายด้วยอาวุธปืน และอัตราของเกมเมอร์ที่จ่ายให้กับเกมต่อคน โดยกล่าวว่าในขณะที่ประเทศสหรัฐฯ มีรายจ่ายให้วิดีโอเกมเยอะเป็นอันดับสาม แต่อัตราการฆาตกรรมด้วยปืนกลับพุ่งสูงขึ้นเป็นอับดับหนึ่ง พร้อมกล่าวว่าประเทศสหรัฐฯ ‘ควรยอมรับความจริง’ ว่าการค้าขายปืนอย่างเสรี เป็นต้นเหตุของความรุนแรง ไม่ใช่เพราะวิดีโอเกม
Strauss Zelnick
ก็ถือเป็นหนึ่งในความคิดเห็นของบุคคลสำคัญต่ออุตสาหกรรมเกม ที่แสดงจุดยืนว่าวิดีโอเกม ไม่ใช่ต้นเหตุของความรุนแรงเหมือนที่รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวไว้ครับ
