ผลสำรวจจาก Game Developers Conference หรือ GDC ได้ชี้ว่านักพัฒนาเกม 33% ได้ตัดสินใจดีเลย์เลื่อนการวางจำหน่ายเกมของเขา เพราะผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-19
นักพัฒนาเกมส่วนใหญ่ระบุว่าการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็น Work from Home (ทำงานที่บ้าน) เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต้องดีเลย์การวางขายเกม ซึ่งมีนักพัฒนาเกมถึง 70% ต้องทำงานที่บ้านนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของ COVID-19
นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัญหาหลักที่นักพัฒนาเกมต่างต้องเผชิญหน้าระหว่างการระบาด คือ “ความเครียดจากสภาพแวดล้อม” เนื่องจากความรู้สึกหวาดวิตกถึงไวรัส รวมถึงการรับข่าวสาร COVID-19 ทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความเครียดระหว่างการทำงาน ซึ่งนักพัฒนาเกมคนหนึ่งกล่าวว่าวิธีการแก้ปัญหาคือ การเข้าถึงคนอื่นด้วยการติดต่อสื่อสารผ่าน video conference และการพักผ่อน
ถ้าหากเจาะรายละเอียดแบบสำรวจของ GDC แบบลงลึกกว่านี้ มีนักพัฒนาเกม 46% ระบุว่าเกมของพวกเขาไม่มีการดีเลย์วันวางขาย แต่อย่างไรก็ตาม มีนักพัฒนาเกม 41% ระบุว่าพวกเขามีประสิทธิภาพการทำงานลดลง หลังจากมีการล็อกดาวน์, 35% ระบุว่าความคิดสร้างสรรค์ลดลง และ 41% ระบุว่าพวกเขาต้องทำงานหนักกว่าเดิม หากเปรียบเทียบกับชั่วโมงการทำงานในบริษัทและทำงานที่บ้าน
รวมถึงมีพนักงาน 26% ถูกลดเงินเดือนหลังจากเริ่มทำงานที่บ้าน โดยมีพนักงานคนหนึ่งกล่าวกับ GDC ว่าเขาจำเป็นต้องกลับบ้านหลังเก่าพร้อมกับพ่อแม่ เพื่อเอาตัวรอดในสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้ เพราะไม่มีเงินพอที่จะจ่ายเงินค่าเช่าห้อง
นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของ COVID-19 เกมระดับ AAA หลายเกม เช่น Sword Art Online: Aliciziation Lycoris, The Last of Us Part II, Death Stranding เวอร์ชัน PC, The Dark Pictures: Little Hope, Mafia: Definitive Edition ได้มีการประกาศดีเลย์วันวางขาย เนื่องจากผลกระทบของไวรัสทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากไม่มีการระบาดของไวรัสเกิดขึ้น เราอาจจะได้เล่นเกมดี ๆ หลายเกมแล้วตอนนี้ก็เป็นไปได้