หลังจากเกม God of War ได้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในแง่เสียงวิจารณ์ รวมไปถึงได้ขึ้นแท่นเกม Game of Year แห่งปี 2018 ในงาน The Game Awards เกมเมอร์หลายคนเริ่มคาดเดาว่าเกม God of War ภาคต่อไปอาจจะมีสเกลที่ใหญ่กว่าภาคล่าสุดจนกลายเป็นเกมเปิดโลกกว้างอย่างแท้จริง
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ยังเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น เพราะผู้กำกับ God of War เผยว่าทีมเขาไม่มีความสามารถพอที่จะสร้างเกมโลกกว้างเหมือน Ubisoft กับ Rockstar Games
อ้างอิงจาก Wccftech – ผู้กำกับเกม God of War คุณ Cory Barlog ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Venturebeat ตัวเขาเผย ไม่คิดว่าจะสามารถเกม Open-World ได้เสร็จสมบูรณ์และมีความยิ่งใหญ่เหมือนกับเกมค่าย Ubisoft และ Rockstar Games ซึ่งทีมงานผู้สร้างเกมทั้งคู่มีกำลังพลเป็นพนักงานจำนวนมากในการสร้างเกมใหญ่เกมหนึ่ง
พวกเราย้ำเกมของตัวเองมาโดยตลอดว่า (God of War) เป็นเกมดำเนินเนื้อเรื่องแบบ Wide Linear (กึ่งกลางของ Linear และ Open World) ผมยืนกรานว่าพวกเราไม่สามารถสร้างเกมโลกเปิดกว้างได้ ค่าใช้จ่ายในการสร้างเกมและผู้คนตั้งความคาดหวังสูงมากเกินกว่าที่เราจะรับไหว เราไม่มีโครงสร้างหรือระบบที่ดีพอที่จะสร้างเกมประเภทนี้ และผมไม่อยากจะทำแบบนั้น
คุณ Cory Barlog ได้ยืนยันว่าสาเหตุที่ไม่สามารถสร้างเกม Open-World แบบเต็มกำลัง เพราะการสร้างเกมเปิดโลกกว้างจำเป็นต้องใช้พนักงานจำนวนเป็นหลักพัน พร้อมกล่าวนัย ๆ ว่าเขายังคงชื่นชอบการสร้างที่สเกลเล็ก แต่สัมผัสได้และน่าค้นหา
ผมคิดว่าทีมงานของ (Rockstar) มีสมาชิกเยอะเกือบถึง 4,000 คน ในขณะที่พวกเรามีแค่ 300 เท่านั้น แล้วในตอนนั้นผมคิด Ubisoft ทุ่มลูกทีมทั้งหมด 1,600 คนเพื่อพัฒนาเกม Assassin Creed ก็เหมาะสมแล้ว หากต้องการทำเกมหนึ่งที่ต้องคุ้ยให้เกมมีความซับซ้อน คุณจำเป็นต้องใช้คนเยอะมาก
สำหรับพวกเรา ไม่เพียงแต่เราไม่อยากเสี่ยงลงทุนสร้างเกมใหญ่อย่างเดียว แต่สำหรับผม โลกของวิดีโอเกมจะต้องรู้สึกกว้างใหญ่ ไม่ว่างเปล่า แต่แฝงไปด้วยฉากโมเม้นต์น่าประหลาดใจและน่าค้นหาอีกด้วย
– Cory Barlog
คุณ Cory Barlog เคยบอกว่าเนื้อเรื่องของเกม God of War ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หรือหมายความว่าเกมซีรีส์นี้จะต้องมีภาคต่อ แต่ดูเหมือนว่าไอเดียเกมประเภทเปิดโลกกว้างสำหรับ God of War อาจจะยังไม่ได้ใช้ในเกมภาคหน้าหรือเกมใหม่ในเร็ว ๆ นี้ครับ