ความยาก ความท้าทาย อาจไม่ใช่สิ่งที่หลายคนชื่นชอบทั้งในชีวิตประจำวัน และการเล่นเกม แต่มีอยู่ค่ายหนึ่ง ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว ด้วยการทำเกมยากชนิดไม่เกรงใจใคร คนเก่งจริงถึงจะเล่นจบ และไม่ปาจอยทิ้งไปกลางทางซะก่อน แทนที่มันจะล้มเหลว เพราะคนเล่นไม่ชอบ แต่มันกลับกลายเป็นแนวเกมที่ได้รับความนิยม และมีฐานแฟนเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก Elden Ring ผลงานใหม่ล่าสุดของพวกเขากำลังมาแรง วันนี้เรามาดูกันว่า ทำไมแฟน ๆ ถึงรักความท้าทายในเกมตระกูล Souls และ FromSoftware ค่ายเกมเจ้าของผลงานนี้ เขามีที่มาที่ไปกันยังไง
FromSoftware ค่ายเกมผู้ให้กำเนิดความท้าทาย
แม้ว่าหลายคนจะรู้จักค่ายนี้ เพราะการแจ้งเกิดของ Dark Souls ในปี 2011 หรือเก่ากว่านั้นอย่าง Armored Core ที่มีมาตั้งแต่ปี 1997 แต่จริง ๆ แล้ว FromSoftware มีผลงานเกมมากมายนับไม่ถ้วน ก่อนที่พวกเขาจะเป็นที่รู้จักจากซีรีส์เกม Souls ไม่ว่าจะเป็น King’s Field 3 ผลงานเกมแรกของพวกเขาที่มีออกมา 3 ภาคติดในช่วงแรก , Lost Kingdom และต้นกำเนิดเกม Souls จริง ๆ อย่าง Demon’s Souls ที่เพิ่งออกเวอร์ชั่น Remake มาให้เราได้เล่นกัน
FromSoftware เป็นสตูดิโอพัฒนาเกมของประเทศญี่ปุ่น ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1986 เป็นบริษัทในเครือของ Kadokawa Corporation พวกเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง หลังปล่อยผลงานอย่าง Demon’s Souls ที่เป็นการพัฒนาร่วมกันกับ Sony Computer Entertainment และเป็นเกม Exclusive ให้กับ PlayStation 3 ทำให้เวอร์ชั่นรีเมคของปี 2020 ยังคงเป็น Exclusive PlayStation อยู่ ซึ่ง Demon’s Souls นี้แหละ คือปฐมบทของการใส่ความยากและความท้าทายลงในเกม จนทำให้ FromSoftware เป็นที่รู้จัก
ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างสวยหรูทันที หลังเปิดตัว
ในช่วงแรกของการเปิดตัว Demon’s Souls นั้น ตัวเกมขายได้ช้ามาก จนหลายคนเกือบจะมองว่ามันเป็นเกมที่ล้มเหลว หลังจากเปิดตัวในญี่ปุ่น แต่สิ่งที่ทำให้มันกลับมาได้ คือกระแสวิพากษ์วิจารณ์แบบปากต่อปาก ในตอนนั้นผู้เล่นจำนวนมาก พูดคุยถึงเกมนี้กันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความยากที่ชวนปวดหัว และที่สำคัญคือ ความลับต่าง ๆ ภายในเกมที่ผู้เล่นแต่ละคนเจอมาไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดการพูดคุย การแลกเปลี่ยนความรู้ ถึงสิ่งที่ได้ไปเจอมา และเพราะมันกลายเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในญี่ปุ่น การตีตลาดอเมริกาและยุโรปจึงเริ่มต้นขึ้น โดยมี BANDAI Namco ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
กลไกของ Demon’s Souls นั้น ถูกผู้สร้างมองว่ามันยังไม่สมบูรณ์แบบมากนัก ซึ่งก็ตรงตามที่หลายคนลงความเห็นว่าหากนับกันตรง ๆ แล้ว Demon’s Souls อาจเป็นเกมที่ง่ายที่สุดแล้ว แต่มันก็มีระบบหลักที่ถูกนำไปต่อยอดคือระบบ Souls ที่เป็นสกุลเงินของเกม ได้มาจากการสังหารศัตรู และนำไปอัปเลเวลตัวละครได้ ซึ่งถูกต่อยอดนำมาใช้กับทุก ๆ เกมต่อจากนี้ และแทนที่พวกเขาจะต่อยอดเกมนี้ แต่ FromSoftware เลือกที่จะเริ่มต้นเกมใหม่ และให้มันเป็นผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณโดยตรงในชื่อของเกมที่ทุกคนจะรู้จักกันไปทั่วโลกอย่าง Dark Souls
จุดเริ่มต้นของ Souls Series
ในปี 2011 Dark Souls เปิดตัวพร้อมกับลงให้ทั้ง XBOX 360 และ PlayStation ในเกมใหม่นี้ มีการเพิ่มสิ่งที่เรียกว่า Bonfire เข้ามา ซึ่งใช้งานได้หลากหลาย ทั้งเซฟเกม นำ Souls ที่ได้มาใช้จ่ายอัปเกรดตัวละคร รวมไปถึงเป็นจุดพักของผู้เล่นด้วย และยังสร้างโลกที่เชื่อมต่อกันอย่างลงตัวขึ้นมา ตัวเกมมีกลไกการออกสำรวจแบบ Open World มีพื้นที่ให้สำรวจได้หลากหลาย บางพื้นที่อาจเชื่อมกลับมายังจุดเดิม เพื่อออกสำรวจต่อได้ง่ายขึ้น
Dark Souls ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวคิดของ Hidetaka Miyazaki โดยเจ้าตัวได้พยายามจำลองสถานที่จริงต่าง ๆ มาไว้ในเกม ไม่ว่าจะเป็นอาคารหลักในอานอร์ ลอนโด ปราสาทแชมบอร์ด หรือมหาวิหารมิลาน เขาเผยว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานแฟนตาซีและดาร์คแฟนตาซีในยุคเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการ์ตูนเรื่อง Berserk ที่ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจชั้นเยี่ยมให้กับเกมนี้ และนำมาออกแบบให้ประณีต สง่างามอีกที
ภาพรวมการออกแบบภายในเกมนั้น เหมือนกับเกมแฟนตาซียุคกลาง ที่ผู้เล่นจะได้สัมผัสทั้งอาวุธระยะประชิด และอาวุธเวทมนตร์ ดาบ หอก กระบอง หรือแม้ดาบใหญ่ ดาบวิเศษ ตัวละครจะมีการป้องกัน การหลบหลีก การปัดป้องหรือ Parry แต่ใด ๆ คือความยากของมันที่ยังคงไม่ทิ้งลายจาก Demon’s Souls และที่ยังทำให้มันกลายเป็นกระแสปากต่อปากนอกเหนือจากความยากก็คือเนื้อเรื่องและโลกภายในเกม ที่ซ่อนความลับอยู่เต็มไปหมด
เนื่องจากคราวนี้ ตัวเกมเปิดตัวทั้งบน PlayStation 3 และ XBOX 360 และประสบความสำเร็จมาก จนถูกแฟน ๆ เรียกร้องให้นำมาลง PC โดยมีผู้ลงนามกว่า 93,000 คน จนเวอร์ชั่น PC ได้รับการยืนยันในช่วงเมษายนปี 2012 แต่มันมีปัญหาในการพอร์ทเกมมาลง PC เป็นอย่างมาก จนทำให้เวอร์ชั่นแรกของเกมที่ปล่อยมาค่อนข้างย่ำแย่ จนต้องมีการรีมาสเตอร์ใหม่ให้เป็น Prepare to Die Edition ซึ่งเรียบเรียงเนื้อหาใหม่ มีบอส มีศัตรูใหม่ ก่อนที่เวอร์ชั่นนี้จะรีไปเป็น Remastered อีกทีในภายหลัง
ต่อยอดความสำเร็จ และแตกขยายสู่ Bloodborne
Dark Souls มีภาคต่อตามมาอีก 2 ภาค คือ Dark Souls II และ Dark Souls III ที่ตามออกมาในปี 2014 และ 2016 แต่ก่อนจะไปถึงสองภาคนั้น เราคงต้องพูดถึงเกมที่หลายคนชื่นชอบเช่นกัน และได้รับกระแสการ Remake / Remastered มาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สมหวังเสียที เกมนั้นคือ Bloodborne
Bloodborne เป็นการกลับมาร่วมมือกับทาง Sony อีกครั้ง ทำให้มันกลายเป็นเกม Exclusive บนเครื่อง PlayStation 4 เกมยังคงสไตล์ความยากชวนปาจอยทิ้งเอาไว้ แต่เปลี่ยนฉากหลังจากดาร์คแฟนตาซีมาเป็นสไตล์ Gothic Victorian ผสมกับ Lovecraftian แทน เดิมที Hidetaka Miyazaki คิดไว้แค่ว่าจะสร้างเกมที่แตกต่างออกไปจากเดิม แต่สุดท้ายมันยังคงเป็นเกมแบบ Souls Like แต่เรื่องราว ภาพรวม และรายละเอียดจะเยอะกว่าเกมตระกูล Souls ด้วย แถมภาคนี้ผู้เล่นหลายคนยังอาจจะงงจนปวดหัวมากกว่า เพราะเนื้อเรื่องมันแทบจะไม่บอกเล่าอะไรเลยทั้งสิ้น ต้องอาศัยการตีความ และสืบเสาะในโลกของเกมเอาเอง
ในด้านของเกมเพลย์การเล่น แม้มันจะยังคงเป็นเกมยาก แต่เกมเพลย์ของมันกลับรวดเร็วขึ้นมาก ไม่ได้เชื่องช้าอืดอาด มีจังหวะเหมือน Dark Souls เกมนี้หากผู้เล่นคิดช้า ทำช้าก็จะโดนรุมโจมตีจนตายคาที่ได้เลย และระบบที่น่าสนใจคือ Bloodborne’s Rally หากผู้เล่นถูกโจมตี จะมีโอกาสฟื้นคืนพลังชีวิตได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ด้วยการโจมตีศัตรูคืน ผู้สร้างอย่างคุณ Miyazaki เผยว่า ระบบนี้จะช่วยให้ผู้เล่นต้องรุกมากขึ้น เพื่อชิงพลังชีวิตที่เสียไปคืน และตัดโล่ออกไป ให้ใช้ปืนแทน ปืนจะทำให้ศัตรูติดสถานะมึนงง เพิ่มจังหวะในการเข้าทำได้ส่วนระบบ Souls ของเกมนี้ จะเปลี่ยนไปเป็น Blood Echoes ซึ่งจะทำงานคล้ายกัน
นอกจากจะกวาดคะแนนไปอย่างสวยงามจากเหล่านักวิจารณ์แล้ว เกมยังเปิดตัวด้วยยอดขายที่ดีงามไม่แพ้กัน ด้วยยอดขาย 150,000 ชุด ในญี่ปุ่นเพียงสัปดาห์แรกของการวางจำหน่าย และทะยานสู่ 1 ล้านชุดในเวลาไม่นาน ก่อนที่ทาง FromSoftware จะส่ง Dark Souls III ตามออกมาในปีต่อไป
แนวทางเดิม แต่นำเสนอแบบใหม่ SEKIRO: Shadows Die Twice
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจของ Bloodborne ที่เป็น DLC The Old Hunters การพัฒนาเกมนี้ก็เริ่มขึ้นต่อทันทีในช่วงปี 2015 และกว่ามันจะพร้อมเปิดตัวก็คือเวที The Game Awards ปี 2017 โดยเปิดตัวในชื่อ Shadows Die Twice และเกมนี้ได้ Activision เป็นผู้จัดจำหน่ายแทน
สำหรับเกมนี้ Hidetaka Miyazaki ได้แรงบันดาลใจมาจากเกมซีรีส์ Tenchu ที่เป็นแนว Stealth-Action แน่นอนว่ามันยังคงเป็นเกมยากระดับปาจอยทิ้งเช่นเดิม แต่เกมนี้จะเน้นไปที่ Action มากกว่า ระบบการอัปเกรดจะน้อยลงและถูกดัดแปลงให้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือเกมนี้เปลี่ยนเป็นเกมแบบ Single Player เต็มรูปแบบ หลังจากที่ผลงานก่อนหน้า มีโหมดออนไลน์ใส่เข้ามาให้แทบจะทุกเกม เมื่อเทียบกับเกมอื่น ๆ ของ FromSoftware เกมจะมีความเป็น RPG น้อยลง การอัปเกรด อุปกรณ์ ทักษะ ถูกจำกัดมากขึ้น และไปเน้นการนำเสนอเกมเพลย์สุดดุเดือด ที่ตัดระบบ Stamina ออก แต่ทั้งเราและศัตรูจะมีหลอด Posture แทน การโจมตีจะทำให้หลอดนี้ขยายตัวขึ้นจนเต็ม ถ้าเต็มแล้วแตก จะเกิดการเสียหลัก ซึ่งผลนี้เกิดขึ้นได้ทั้งกับเราและศัตรูด้วย กลายเป็นเกมแอ็คชั่นเน้นความยากที่ท้าทายและน่าสนใจขึ้นกว่าเดิม
และคราวนี้การนำเสนอก็ไม่ซับซ้อนอะไรมาก ตัวละครเอกของเราจะมีบทพูด มีการสนทนา มีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครตัวอื่น ๆ ทำให้เราสามารถเข้าถึง และเข้าใจโลกของเกมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงมีปริศนา ความลับต่าง ๆ ให้เราตามเก็บ ตามสำรวจกันอีกที แน่นอนว่าความยอดเยี่ยมของมัน ส่งผลให้มันกลายเป็นเกมแห่งปี หรือ Game of the Year ประจำปี 2019 ไปอย่างไร้ข้อกังขา
ผลงานใหม่ล่าสุดที่ทุกคนต่างหลงรัก Elden Ring
ผลงานใหม่ล่าสุดของ FromSoftware อย่าง Elden Ring ตอนนี้ทุกคนน่าจะรู้กันดี ว่ามันประสบความสำเร็จมากแค่ไหน ด้วยยอดผู้เล่นพร้อมกันสูงเกือบ 1 ล้านคน เยอะที่สุดนับตั้งแต่ FromSoftware เคยเปิดตัวเกมมา ทั้งยอดขาย และคำวิจารณ์ ล้วนถูกหลายคนมองว่ามันคือตัวเต็ง Game of the Year ประจำปี 2022 นี้ทั้งสิ้น
คงไม่ต้องบอกว่ามันยังคงเป็นเกมยากเหมือนเดิม แต่ดเกมเพลย์ของ Elden Ring จะแตกต่างไป เพราะคราวนี้ตัวเกมมาในรูปแบบของกึ่ง Open World ที่มีขนาดเปิดกว้างมากกว่าเกมก่อน ๆ มาก คราวนี้ Hidetaka อยากให้ผู้เล่นลองเล่นด้วยเส้นทางที่หลากหลาย ออกสำรวจดินแดนระหว่างทางได้อย่างอิสระ อุปสรรคเดียวคือศัตรูที่ขวางกั้นอยู่ ซึ่งถ้าผู้เล่นเจ๋งพอก็เอาชนะมันได้ ตัวเกมมีดันเจี้ยนให้ลง เพื่อเจอกับบอส และไอเทมของรางวัลมากมาย และเป็นการกลับมาทำเป็นระบบ RPG เหมือนเดิม ในเกมนี้หน่วยเงินจะเป็น Rune ที่ใช้ในการอัปเกรด
เกมจะมี 6 พื้นที่หลักที่เชื่อมถึงกัน เราจะไปสำรวจเส้นทางใดก่อนก็ได้ และยังมีเส้นทางลับอีกมากมาย รอให้ผู้เล่นไปค้นเจอด้วยตัวเอง โดยเกมเพลย์จะยังคงเป็นเหมือนกับเกมก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี การหลบหลีก การปัดป้อง และด้วยความที่ภาคนี้มีโลกที่เปิดกว้างมากขึ้น ทำให้ผู้เล่นมีทางเลือกว่าจะลอบเร้น หรือเดินผ่านศัตรูตัวนั้นไปก่อน ค่อยกลับมาสู้ตอนที่ยังพร้อม รวมไปถึงเพิ่มรูปแบบการโจมตีต่าง ๆ เช่นเวทมนตร์ บัฟ หรือแม้กระทั่งไอเทมเสริมต่าง ๆ เช่นทำให้ตกจากที่สูงแล้วไม่บาดเจ็บก็มีเช่นกัน
ด้วยระบบที่หลากหลายขนาดนี้ ไม่แปลกใจที่ Elden Ring ประสบความสำเร็จอย่างมากมายมหาศาล แม้จะมีปัญหาด้าน Performance บน PC แต่คาดว่าเดี๋ยวจะได้รับการแก้ไขในเร็ว ๆ นี้ และทั้งหมดนี้ คือการผจญภัยอันยาวนานของ FromSoftware ที่ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเกมของพวกเขาถึงได้รับความนิยม แม้มันจะยากเย็นแสนเข็ญสักแค่ไหน ใครไม่เชื่อ ลองไปปหามาเล่นกันดูได้วันนี้ เพราะเกือบทุกเกมมีขายบน PC / Console ทั้งหมด