ยิ่งเวลาผ่านไป เม็ดเงินที่ถูกทุ่มลงมาในวงการวิดีโอเกมยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และดูเหมือนว่าเหล่าเกมเมอร์จะยอมทุ่มไม่อั้นเพื่อวงการนี้ ซึ่งล่าสุดนี้ยอดใช้จ่ายเกี่ยวกับวงการเกมในอเมริกานั้นพุ่งทะยานไปถึงหลักพันล้านในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาแล้ว
โดยจากผลสำรวจของ NPD หรือบริษัทวิจัยตลาดและเก็บข้อมูลยอดขายสินค้าต่าง ๆ ในท้องตลาด ได้ระบุว่าในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน หรือก็คือไตรมาสที่สามของปี 2018 ยอดขายของสินค้าวิดีโอเกมในประเทศอเมริกาเพิ่มขึ้นถึง 25% ซึ่งมีตั้งแต่ตัวเกมแบบเต็ม, DLC, เงินซื้อของในระบบ Microtransaction และการสมัครสมาชิกรายเดือนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแพลตฟอร์มเกมมือถือและคอนโซลคือส่วนที่เติบโตมากที่สุดในไตรมาสที่ผ่านมานี้ โดยมีมูลค่ารวมทั้งหมดที่ประมาณ 9.1 พันล้านเหรียญหรือประมาณ 291,200 ล้านบาทเลยทีเดียว
NPD ยังระบุอีกว่าเกมที่มีผลต่อค่าเงินของยอดขายต่าง ๆ มากที่สุดก็คือ Candy Crush Saga, Fortnite, Madden NFL 19, Mervel’s Spider-Man และ NBA2K19 ส่วนยอดขาย Hardware นั้นเพิ่มขึ้นถึง 11% คิดเป็นมูลค่ารวม 737 ล้านเหรียญที่เพิ่มขึ้นในแบบปีต่อปี นำมาโดย Xbox One, PS4 และอื่น ๆ เช่น NES Classic และ SNES Classic เครื่องเกมย้อนยุคของทาง Nintendo
Mat Piscatella นักวิเคราะห์ตลาดเกมของ NPD เสริมว่า ตลาดวิดีโอเกมของอเมริกานั้นเติบโตขึ้นและถูกเติมเต็มด้วยเนื้อหาเสริมต่าง ๆ เข้าไปมากมายเพื่อขยายตลาดของตน ซึ่งมีผลให้ทั้ง Software และ Hardware และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือรายได้ของพวกอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่นหูฟังและอื่น ๆ เติบโตขึ้นอีกถึง 44% เลยทีเดียว เป็นหลักฐานที่แสดงให้เราเห็นว่าวิดีโอเกมยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างมากในช่วงเวลาสั้น ๆ ครับ
