บทสัมภาษณ์ทีมพัฒนาเกม Far Cry 4 หลังเก็บข้อมูลในเนปาลที่ซึ่งเป็นฉากหลังของตัวเกมภาคใหม่ล่าสุด
Far Cry 4 ภาคต่อของเกมเดินหน้ายิงผลงานการสร้างจาก Ubisoft Montreal โดยตัวเกมในภาคนี้ได้หยิบยืมสถานที่จริงอย่างเทือกเขาหิมาลัยมาเป็นฉากหลังพร้อมกับบรรยากาศสงครามและความขัดแย้งในพื้นที่มาเป็นตัวส่งให้เกมมีเรื่องราวและเนื้อหาที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นซึ่งทางทีมงานพัฒนาก็ได้ลงพื้นที่จริงเพื่อทำการเก็บข้อมูลชนิดที่ว่าแน่นปึ้กลงไปคลุกคลีกับวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนท้องถิ่นกันเลยทีเดียว
วันนี้ทาง Mark Thompson ผู้อำนวยการเล่าเรื่องและ Alex Hutchinson ผู้อำนวยการสร้างของเกมก็ได้ออกมาพูดถึงประสบการณ์การสัมผัสกับประชาชนผู้ซึ่งเคยเข้าร่วมสงครามกลางเมืองในพื้นที่ดังกล่าว
“สิ่งแรกที่เราทำในเกมนี้คือการทำรายชื่อสัตว์ที่จะถูกนำมาใส่ในเกมภาคนี้ นอกจากนี้เรายังทำรายชื่อของบรรยากาศที่เราอยากจะเติมลงไปในภาคนี้ขึ้นมาอีกด้วยแล้วเราก็ได้นำรายชื่อเหล่านั้นมานั่งนึกว่ามันควรจะเป็นสถานที่ใดซึ่งก็ได้คำตอบว่าแถบบริเวณเทือกเขาหิมาลัย เราต้องการสถานที่ที่มีเรื่องราวความขัดแย้งของชนพื้นเมืองเป็นฉากหลัง สถานที่ที่สถานการณ์ทางการเมืองนั้นยังไม่นิ่ง สถานที่ที่ยังคงเป็นรัฐที่ล้มเหลวอยู่
เมื่อคุณได้มาเจอกันกับผู้คนที่ผ่านการต่อสู้ในความขัดแย้งต่างๆ พวกเขาจะทำให้คุณคิดถึงสิ่งต่างๆเปลี่ยนไปจากเดิม เราคิดอย่างหนักว่าความขัดแย้งครั้งนั้นมันเป็นอย่างไรและเราจะเอาเรื่องราวต่างๆมาเป็นแรงบันดาลใจในวิดีโอเกมได้อย่างไร ก่อนที่เราจะไปเนปาลเรามีความจริงจังเป็นอย่างมาก เราให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องสงครามกลางเมืองในบริเวณนั้นซึ่งเราสามารถที่จะนำมันมาเป็นส่วนประกอบของเกมภาคนี้ได้
ในเนปาลผมได้พูดคุยกับเด็กที่ผันตัวไปเป็นทหารเพื่อปกป้องประเทศของเขาและเราไม่พลาดที่จะหยิบมันมานำเสมอ ในเกมภาคนี้เรามีภารกิจและรางวัลให้กับการทำกิจกรรมสนุกๆมากมาย”
– Mark Thompson ผู้อำนวยการเล่าเรื่อง Ubisoft Montreal
“ในเกมนี้คุณจะไม่ใช่นักล่าพันธ์โหด คุณเข้าร่วมการต่อสู้นี้ไม่ใช่เพราะว่าไปสัญญาอะไรกับใครหรือจะบุกไปช่วยใครทั้งนั้น มันเป็นเรื่องของคนธรรมดาที่ดันดวงกุดตกไปอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
ใน Far Cry 4 คุณจะรับบทเป็นประชาชนในพื้นที่ซึ่งเคยออกไปโลกภายนอกและกลับมาอีกครั้ง เราจะทำให้ผู้เล่นรู้สึกอินไปกับตัวละครหลักและเขาจะต้องมาทำความรู้จักกับพื้นที่ภายในเกมด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง
อันที่จริงแล้วตัวละครร้ายในภาคนี้ก็มีเนื้อหาเป็นเส้นตรงตามแบบฉบับตัวร้ายสุดคลาสสิคนั่นล่ะ แต่เราได้เพิ่มความโรคจิตลงไปในตัวของเขาซึ่งจะทำให้เขาเป็นตัวละครร้ายที่ดูน่าเกลียดและน่ากลัวมากขึ้นเหมือนอย่างในเช่นภาคก่อน
ตัวผมเองเป็นคนอังกฤษเพียงคนเดียวในทีมซึ่งเติบโตมากับการเล่นคำในสไตล์สื่ออังกฤษ ถ้าคุณเห็นอะไรแบบนั้นในเกมของเราก็บอกได้เลยว่ามาจากผมคนนี้นี่แหละ
บางครั้งคุณจะรู้สึกสับสนเมื่อเล่นเกม คุณจะได้พบเจอกับมุขตลกร้ายที่ไม่แน่ใจว่าคุณควรจะหัวเราะและสนุกไปกับมันหรือคุณควรจะตั้งคำถามเกี่ยวกับศีลธรรมของตัวเอง ลูกเล่นอะไรแบบนี้นี่แหละจะช่วยให้เกมของเราดูไม่หนักเกินไปซึ่งดูเหมือนว่าเกมอื่นๆก็พยายามที่จะทำแบบนี้ด้วยเช่นกัน”
– Alex Hutchinson ผู้อำนวยการสร้าง Ubisoft Montreal