เคยสังเกตกันหรือเปล่าว่า ร้านเกมแถวบ้าน แถวโรงเรียน ที่เราเคยนัดเพื่อนตีดอทหลังเลิกเรียน มันหายไปไหน บางคนที่เป็นคนช่างสังเกตหน่อยก็จะพบว่า มันทยอยปิดไปทีละร้านสองร้าน จนตอนนี้แทบไม่เหลือร้านไหนอีก
มีคนกลุ่มหนึ่งครับได้ตั้งข้อสังเกตบางอย่างที่ว่า ในช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมา การเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า “ร้านเกม” มีน้อยลงเรื่อยๆ และร้านเกมที่มีอยู่แล้วก็ทยอยปิดตัวลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน และแน่นอน มันมีสาเหตุที่ฟังขึ้นอยู่ 3 ข้อ
1. เดี๋ยวนี้เน็ตบ้านโคตรแรง
ส่วนตัวคนเขียนได้ทันใช้อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วดาวน์โหลด 1 Mbps เมื่อสิบกว่าปีก่อน นั่นถือว่าเป็นความเร็วของเน็ตบ้านที่เร็วมากๆ ในขณะเดียวกับที่ร้านเกมแถวบ้านมีอินเทอร์เน็ตความเร็ว 50 Mbps กับคอมพิวเตอร์ 20 เครื่อง ประเภทที่ว่าเล่นพร้อมกันหลายเครื่องก็รู้สึกว่าเร็วมากๆ และความเร็วเน็ตระดับนั้นต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง แต่ด้วยจำนวนคนที่ใช้บริการแล้วมันก็เยอะมาก เพราะเน็ตที่บ้านยังไงมันก็สู้เน็ตที่ร้านเกมแถวบ้านไม่ได้อยู่ดี
แล้วลองมาเทียบกับยุคนี้ เน็ตความเร็ว 30-50 Mbps ในยุคนี้ เสียค่าใช้จ่ายพอๆ กับเน็ตความเร็ว 1 Mbps ของเมื่อก่อน ก็ต้องขอบคุณการแข่งขันของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่รุนแรงจนทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเน็ตที่บ้านเร็วขึ้นมาก แล้วเราจะไปเล่นเกมที่ร้านเกมอีกทำไม
2. เดี๋ยวนี้เรามีทางเลือกให้ซื้อคอมพิวเตอร์ดีๆ ได้มากขึ้น
สิ่งที่มาพร้อมกับอินเทอร์เน็ตความเร็วแบบเมื่อก่อน ก็คือคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูง ตอนคิดจะซื้อเองนี่คิดหนักมาก เพราะโดยธรรมดาแล้ว ซื้อไปเดี๋ยวๆ มันก็ตกรุ่น และเกมในยุคก่อนก็ไม่ได้เน้นคอมพิวเตอร์ที่สเปคดีมากๆ เน้นไปที่เกมออนไลน์ที่มักจะไม่พึ่งสเปคแรงๆ ซึ่งร้านเกมในยุคนั้นสามารถจัดหามาให้ได้ เลยรู้สึกว่า เราจะซื้อคอมพิวเตอร์มาไว้ที่บ้านทำไม
แต่พอเวลาเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน เกมเปลี่ยน ทุกวันนี้เกมกินสเปคเครื่องคอมมากขึ้นเรื่อยๆ (PUBG เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ กินสเปคไม่พอ บัคยังเพียบอีก) จนทำให้ร้านเกมที่สู้สเปคเกมใหม่ๆ ไม่ได้เริ่มไม่เป็นที่นิยมจนล้มหายตายจากไป อีกอย่างผู้คนมีกำลังซื้อ และให้ความสนใจกับเรื่องเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์มากขึ้น มีทางเลือก ปรับแต่งกันได้หลากหลาย เลยทำให้แทบทุกบ้านต้องมีคอมพิวเตอร์สเปคดีๆ ที่พอจะเล่นเกมสมัยนี้ได้ทุกเกม
3. มือถือ!
สองข้อข้างบนนี้ ไม่ได้ทำให้คนเล่นเกมออนไลน์บนคอมน้อยลงเลย หรือร้านเกมส่วนใหญ่อาจจะยังอยู่ได้ ถ้าเจ้าของร้านรู้จักพัฒนาสเปคคอมและเน็ตที่ร้านให้ทันสมัย แต่พอมือถือยุคนี้ ที่ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ดูหนัง ฟังเพลง จนสามารถเล่นเกมได้ และตัวมันก็มีประสิทธิภาพที่จะเล่นเกมในแนวที่เมื่อก่อนถ้าอยากเล่น ก็คงต้องเล่นบนคอมเท่านั้น แต่วันนี้มันอยู่ในมือถือแล้ว
พอเราเล่นเกมในมือถือ เล่นจนชินจนแทบไม่จำเป็นต้องไปแตะคอม ระบบต่างๆ ก็ดูเข้าใจง่ายไปหมดไม่เหมือนกับเกมบนคอม แถมเปย์เข้าไปในเกมเยอะแล้ว เราคงไม่เอาเงินไปลงกับร้านเกมอีก เพราะไม่มีเงินเหลือแล้ว..
แล้วร้านเกมจะอยู่ได้อย่างไรล่ะ..
แต่จะว่าไปแล้ว มันก็มีร้านเกมบางประเภท ที่ยังคงปรับตัวและเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย และสามารถรวมเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ได้ดังนี้
4. เปิดใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้หอพัก
(ขอบคุณภาพจากร้าน CounterNet สาขา มธ. ศูนย์รังสิต)
ขอย้ำว่าต้องเป็นมหาวิทยาลัย จากที่เคยสังเกตมา ยังคงมีร้านเกมตั้งอยู่เป็นจำนวนมากอยู่รอบมหาวิทยาลัย รอบหอพัก และยังคงอยู่ได้ เพราะว่า..
– บางคนอยู่หอพัก จากบ้านมาไกล บางคนก็คงไม่มีเงินมาซื้อคอมตั้งไว้ในหอตัวเอง และมีเกมบนคอมพิวเตอร์อยู่ในดวงใจ ก็ลงเอยไปอยู่ในร้านเกมนี่แหละ
– ไม่มีคนประเภทที่ว่า “เด็กร้านเกม” ที่ชอบทำตัวเกาะเก้าอี้ดูคุณ คนส่วนใหญ่ในร้านก็เป็นพวกนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วยกัน
– การเรียนมันเครียด “หลังสอบโดดร่มกันป่าว ตีดอทป่าว ฯลฯ” คือคำพูดติดปากของใครหลายคน และที่นัดพบเด่นๆถ้าไม่ใช่หอ ก็ในร้านเกมนี่เอง
– คอมและเน็ตแรงสะใจวัยรุ่น ยิ่งกว่าที่อื่น เพราะมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก มีเงินทุนมาปรับปรุงคุณภาพของร้านอยู่บ่อยครั้ง
5. ร้านที่เป็นรายใหญ่ ลงทุนเพื่อเกม เพื่อ E-Sport เป็นหลัก
(ขอบคุณภาพจากร้าน Neolution E-Sport เกษตรศาสตร์)
มันก็จะมีบางร้าน ที่เห็นชื่อแล้ว อ๋อ เหมือนยี่ห้อเกมมิ่งเกียร์บ้าง เหมือนสปอนเซอร์ หรือทีมแข่งตามงานแข่งอีสปอร์ตบ้าง และร้านพวกนี้มันจะอลังการงานสร้างโคตรๆ ยิ่งกว่าที่อื่นที่เคยประสบพบเจอ สาเหตุที่ร้านพวกนี้รอด และยังทำเงิน ก็เพราะว่า..
– ร้านพวกนี้ได้สร้างบรรยากาศใหม่ๆ สำหรับคนที่อยากเล่นเกม มีเครื่อง PC หลากรูปแบบแล้วแต่คนชอบ
– ทางร้านประกาศตัวชัดเจนว่าจะสนับสนุน E-sport มีโซนสำหรับนักกีฬาโดยเฉพาะ
– ทำตัวเป็นเจ้าภาพการแข่งขันต่างๆ แน่นอนว่าได้หน้าได้ตา ได้ชื่อเสียง คนก็รู้จักร้าน เข้ามาใช้บริการมากขึ้น
โดยสรุปแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคสื่อประเภทนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ชื่นชอบไปเล่นบนมือถือ จะเล่นคอมเหมือนเดิมก็เล่นที่บ้านก็ได้ แต่ก็มีร้านเกมที่ยังคงอยู่ได้ เพราะหาวิธีดีงดูดลูกค้าแบบใหม่ๆ หรือเจาะไปที่กลุ่มลูกค้าบางประเภทโดยเฉพาะครับ
ใครที่เปิดร้านเกม ลองเอาวิธีตามบทความนี้ไปใช้ดู อาจจะทำให้ร้านของคุณดูดี และทำเงินมากขึ้น และที่สำคัญคือ คุณต้องทันคนเล่นเกมที่เป็นลูกค้าของคุณให้ได้
ส่วนคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว เผลอๆ คุณอาจไม่ต้องการร้านเกมอีกแล้ว เพราะคุณก็มีเน็ตแรงๆ คอมแรงๆ มือถือสักเครื่อง ก็เล่นเกมได้มากมาย ร้านเกมเป็นสิ่งที่กำลังหายไป แต่ก็ไม่หายไปเสียทั้งหมด เพราะคนบางกลุ่มยังคงต้องการมันอยู่ดี