ยุคใหม่กับความละเอียดและความลื่นไหลที่มากกว่าเดิม
เรื่องปกติในวงการเกมที่เราเห็นกันจนชินตาก็คือ เมื่อมีการเปลี่ยน Gen ของเครื่องคอนโซล สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดอย่างหนึ่งก็คือคุณภาพของกราฟฟิกที่สูงขึ้น ทั้งความละเอียดที่มากขึ้นและความลื่นไหลของเฟรมเรตในแบบสามมิติ ซึ่งในคอนโซลยุคนี้ การรันเกมให้ถึง 30 เฟรมที่ความละเอียด 1080p ถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าเกมเมอร์หลายคนต่างก็คาดหวังว่าเครื่องคอนโซลในยุคต่อไปจะต้องขยับขึ้นไปอีกขั้น นั้นก็คือความละเอียด 4K ที่ความเร็ว 60 เฟรมนั้นเอง
แม้ในเวลานี้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าเหล่าผู้พัฒนาเครื่องเกมคอนโซลทั้งหลายไม่ว่าจะ Sony หรือ Microsoft จะไปในทิศทางนั้นหรือไม่ แต่มุมมองของผู้พัฒนาเกมคิดว่าเครื่องคอนโซลในยุคหน้าควรจะต้องไปถึงจุดนั้นได้แล้ว Neil Millstone และ Tancred Dyke-Wells สองผู้ก่อตั้ง Solar Sali Games สตูดิโออินดี้เจ้าของผลงาน Smoke and Sacrifice ที่เปิดตัวไปได้อย่างสวยงามในงาน GDC 2018 ก็คือหนึ่งในกลุ่มนักพัฒนาที่คิดแบบนั้น จากบทสัมภาษณ์ของเวปไซด์ Gamingbolt พวกเขาว่าไว้ดังนี้
Niel Millstone และ Tancred Dyke-Well สองผู้ก่อตั้ง Solar Sail
“ถ้าจะให้พูดถึงเนื้อความ ความละเอียด 4K และความเร็วระดับ 60 เฟรมนั้นมีให้เห็นอยู่แล้วบน PS4 Pro และ Xbox One X และนั้นก็จะเป็นรากฐานต่อไป แม้มันจะไม่ได้ถูกใช้งานร่วมกันก็ตาม”
“ถ้าจะให้พูดแบบรวมๆ นักพัฒนาเกมมักจะเลือกที่จะพัฒนาเกมให้อยู่ในความเร็ว 30 เฟรมเพื่อให้ภาพกราฟฟิกสวยงามที่สุดเท่าที่จะทำได้สำหรับเกมชื่อดังๆ และผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนแปลงให้เร็วขึ้นภายหลังในโหมด Multiplayer สำหรับเกมที่เน้นความรวดเร็วหรือเปล่า แต่ผมก็ยังหวังว่าในยุคหน้าจะนำเสนอสิ่งที่มากกว่ากราฟฟิกที่สวยขึ้น ซึ่งการที่ตัวฮาร์ดแวร์นั้นพัฒนาขึ้นในทุกๆปี และเกมในสมัยก็ภาพสวยมากๆอยู่แล้ว ผมจึงสนใจในแพลตฟอร์มที่นำเสนอการค้นพบใหม่ๆและสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมา และเกมไตเติ้ลใหม่ที่น่าสนใจต่อพวกเขาด้วย”
อาจจะฟังดูคลุมเครือ แต่เราเชื่อว่าความละเอียดระดับ 4K และความเร็ว 60 เฟรมเป็นสิ่งที่เราน่าจะได้เห็นในเครื่องคอนโซลยุคหน้าแน่นอน ซึ่ง Phil Spencer เคยเปรยเอาไว้ว่า Xbox รุ่นต่อไปจะต้องโหลดเร็วขึ้นและมีเฟรมเรทที่สูงขึ้นด้วย แต่อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ดังนั้นเราอาจจะได้เห็นอะไรที่แตกต่างมากกว่านี้ในเครื่องคอนโซลยุคหน้าอย่างแน่นอนครับ
