Tim Cain ผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์ Fallout ได้รับคำถามจากแฟน ๆ มากมายว่าทำไมยุคนี้จึงมีแต่เกม RPG เนื้อหารุนแรงจนกลายเป็น “ค่าเริ่มต้น” (Default) ที่หลายเกมต้องมี และมุ่งเน้นไปที่แนวแอ็กชันมากขึ้น ซึ่งทาง Cain ก็ได้ตอบคำถามในวิดีโอล่าสุดของเจ้าตัวที่อัปโหลดผ่าน YouTube แล้ว
ในวิดีโอ “ความรุนแรงในเกม RPG ที่กลายเป็นค่าเริ่มต้น” Cain ตอบว่าสาเหตุที่เกม RPG ระดับ AAA เนื้อหารุนแรงมีให้เลือกเล่นเยอะ และคาดว่าไม่น่าจะหายไปในเร็ว ๆ นี้ ก็เพราะเกมดังกล่าวยังขายได้ดีในกลุ่มคนเล่นทั่วไป
“เวอร์ชันยาวไปไม่อ่านคือเมื่อบริษัทได้ผลิตเกมหนึ่ง แล้วคนก็ซื้อมัน เท่ากับเกมนั้นได้ไปต่อ มันก็แค่นั่นเอง หรือหมายความว่าเกมแนวไหนที่ขายดี ผมไม่ได้พูดถึงเกมที่มีรีวิวดีที่สุดนะ จะเป็นตัวกำหนดเกมในอนาคต”
“หากคุณมีบริษัทของตัวเองแล้วพยายามทำเงินให้ได้ จากนั้นได้เห็นเกมประเภทหนึ่งที่ขายได้เป็นล้านชุด กับอีกแนวที่ขายได้เพียงแสนชุด คำถามต่อมาคือเกมแนวไหนที่คุณอยากจะสร้าง หากเกมทั้งสองแนวที่กล่าวมาใช้เวลาสร้างกับเงินเท่ากัน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจะมักบอกว่าให้โหวตเกมด้วยกระเป๋าตังค์หรือเงินของตัวเอง”
นอกจากนี้ Cain บอกว่าเกม Action RPG เข้าถึงได้ง่ายกว่าแนว RPG แบบคลาสสิก แล้วด้วยธรรมชาติของเกมแอ็กชันที่ผู้เล่นสามารถควบคุมตัวละครได้อย่างอิสระ จึงทำให้การสร้าง Trailer ให้เกมดูน่าดึงดูดได้ง่าย
“เดิมที เกมแอ็กชันเป็นแนวที่ขายดีมากตั้งแต่แรกแล้ว และแน่นอนว่า Action RPG ย่อมขายดีกว่าเกม RPG คลาสสิก แม้ว่าทั้งสองเกมจะมีเนื้อหารุนแรงก็ตาม นอกจากนี้ [เกมแอ็กชัน] ทำการตลาดได้ง่ายกว่าด้วย เมื่อคุณเห็น Trailer แล้วเห็นตัวละครทำท่าต่าง ๆ เช่น กระโดด ปีน ยิง หรือต่อย คุณจะเริ่มคิดว่า “ว้าว ดูสิ ฉันสามารถทำแบบนี้ได้ในเกม” ”
“บริษัทเกมต่าง ๆ ไม่ได้ผลิตสิ่งเหล่านี้เพราะรู้สึกว่าต้องการอยากจะสร้าง แต่ผลิตเพราะอยากให้ขายได้ต่างหาก” – Tim Cain กล่าว
ปัจจุบัน เกม RPG บางไตเติลเริ่มปรับเปลี่ยนแนวทางให้เน้นความเป็นแอ็กชัน หรือมีเนื้อหารุนแรง และนำเสนอโลกในเกมที่สมจริงมากขึ้น ซึ่งแนวทางนี้อาจไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนบางกลุ่มที่หลงใหลเกม RPG ที่มีระบบการต่อสู้แบบผลัดเทิร์น เน้นการวางแผน และนำเสนอโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยความสดใส ซึ่งการเปลี่ยนแปลงแนวทางเกม RPG ในปัจจุบัน เพื่อให้เข้ากับคนเล่นทั่วไป ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันตามสังคมเกมจนถึงทุกวันนี้
ที่มา: Eurogamer