แหล่งข่าวคนหนึ่งรายงานกับสื่อ New York Times อ้างว่าเกมของ Blizzard ได้ปิดให้บริการในจีน เพราะ Activision Blizzard รู้สึกว่า NetEase มีความพยายาม ‘คุกคาม’ ต่อ Bobby Kotick ผู้บริหารสูงสุด Activision Blizzard คนปัจจุบัน
แหล่งข่าวระบุว่าความตึงเครียดระหว่าง Activision Blizzard กับ NetEase มาถึงจุดสูงสุดในระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่าน โดยในระหว่างการสนทนา (ซึ่งการสนทนาต้องผ่านนักแปลในบางครั้ง) มีรายงานว่า Bobby Kotick รู้สึกว่า William Ding ผู้บริหาร NetEase กำลังขู่เขาว่าจะโน้มน้าวรัฐบาลจีนให้ทำการขัดขวาง หรือสนับสนุนข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard ของ Microsoft
แต่อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวอีกแห่งหนึ่งกล่าวกับ New York Times ว่า NetEase ไม่มีความตั้งใจจะข่มขู่ Bobby Kotick และเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิดอย่างแท้จริง และแม้จะมีการประชุมทางโทรศัพท์กันอีกครั้งในเดือนตุลาคม แต่ก็ล้มเหลวในการเยียวยาความแตกแยกที่เกิดขึ้นระหว่างสองบริษัท
Alexandru Voica โฆษกของ NetEase ออกแถลงการณ์ปฏิเสธ ยืนยันอีกครั้งว่า Ding ไม่มีความคิดจากข่มขู่ Kotick แต่อย่างใด
หลังจาก Activision Blizzard ประกาศไม่ต่อสัญญาร่วมกับ NetEase จนส่งผลทำให้ต้องยุติการให้บริการเกม Blizzard เกือบทั้งหมดในประเทศจีนที่ค่อนข้างกะทันหัน ทางบริษัท NetEase จึงตอบสนองกลับด้วยการไลฟ์โชว์เป็นการทำลายรูปปั้น World of Warcraft กับทำลายออฟฟิศ Blizzard ในจีน รวมถึงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการแจก “Blizzard Green Tea” ซึ่งสำหรับประเทศจีน “Green Tea” หรือชาเขียว เป็นคำที่ใช้ในโซเชียลมีเดียไว้ใช้เรียกคนที่ดูสดใส ไร้เดียงสา แต่ลึก ๆ เป็นคนหลอกลวง บิดเบือน และไร้ศีลธรรม
เกมของ Blizzard ทั้งหมด ปิดให้บริการเมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ยกเว้น Diablo Immortal ที่ยังเปิดให้บริการตามปกติ
ที่มา: VGC