Jason Schreier นักข่าวเกมจาก Bloomberg รายงานว่าการพัฒนาเกม Suicide Squad: Kill the Justice League นั้น เต็มไปด้วยปัญหามากมาย
เมื่อไม่นานมานี้ Schreier ได้สอบถามกับ “แหล่งข่าวหลายแห่ง” เพื่อสืบหาต้นตอปัญหาเกม Suicide Squad: Kill the Justice League ที่ไม่ประสบความสำเร็จ จนทำให้บริษัท Warner Bros. ต้องเสียเงินประมาณ 200 ล้านเหรียญฯ ไปกับ EBIDTA (รายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย เช่น ดอกเบี้ย ภาษี ต้นทุน ค่าดำเนินการ) เพราะเกมนี้
แหล่งข่าวบอกว่าตอนแรก ทีมพัฒนา Rocksteady มีแผนจะพัฒนาเกม Multiplayer ต้นฉบับที่ตอนนั้นกำลังใช้ชื่อโครงการว่า “Stones” แต่ต่อมา โปรเจกต์ดังกล่าวเปลี่ยนกลายเป็นเกม Suicide Squad แบบ Live Service แทน
นอกจากนี้ แหล่งข่าวอธิบายว่าการทำงานกับเกม Suicide Squad อยู่ในท่ามกลางวัฒนธรรมที่เรียกว่า “Toxic Positivity” (คิดบวกเป็นพิษ) ซึ่งทำให้พนักงานรู้สึก “ท้อแท้จากการโดนวิพากษ์วิจารณ์”
ตอนแรก Suicide Squad มีแผนวางจำหน่ายในปี 2019-2020 แต่เนื่องจากตอนนั้น Rocksteady ขาดประสบการณ์ในการสร้างเกม Multiplayer และ Live Service ส่งผลให้การพัฒนาเกมดังกล่าวไม่ราบรื่น จนต้องเลื่อนดีเลย์วันวางจำหน่ายเป็นปี 2024
แม้เกม Suicide Squad ประสบความล้มเหลวอย่างชัดเจน เนื่องจากทีมงานมองเห็นถึงความผันผวนของตลาดเกม Live Service แต่ฝ่ายผู้บริหารยืนหยัดว่าเกมนี้ต้องมีกระแสตอบรับดีขึ้นสักวัน พร้อมบอกกับพนักงาน Rocksteady ว่าพวกเขาคาดหวังที่ Suicide Squad จะกลายเป็นแฟรนไชส์ที่มีมูลค่าถึงพันล้านเหรียญฯ ให้ได้
หลังจาก Suicide Squad ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ล่าสุดมีรายงานว่าพนักงาน Rocksteady ส่วนใหญ่กำลังพัฒนาเกม Hogwarts Legacy ฉบับ “Director’s Cut” รวมถึงเริ่มมีการนำเสนอขอสร้างเกม Singleplayer ใหม่ ซึ่งเป็นการ “กลับคืนสู่รากเหง้าเดิมของ Rocksteady”
ที่มา: IGN