ผ่านไปแล้วสำหรับปี 2018 ที่มีเกมดี ๆ มากมายให้พวกเราได้สัมผัส แต่สภาพการตลาดเกมของฝั่งสหรัฐฯ เป็นอย่างไรบ้าง ก็ต้องบอกเลยว่าไปได้สวย ! เพราะว่าสหรัฐฯ ได้ทำลายสถิติยอดรายได้จากวิดีโอเกมสูงสุดในปี 2018 มากกว่ารายได้ปีที่แล้วถึง 18%
อ้างอิงจาก Dualshockers – หน่วยงาน Entertainment Software Association (ESA) และ NPD Group ได้รายงานยอดตัวเลขรายได้จากวิดีโอเกมทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสามารถทำรายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 43.4 พันล้านเหรียญ ในปี 2018 (ประมาณ 136,421,800,000 ล้านบาท) ซึ่งมีตัวเลขสูงกว่าปี 2017 ถึง 18%
สถิติดังกล่าวไม่ใช่เป็นตัวเลขจากการซื้อขายวิดีโอเกมอย่างเดียว แต่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอเกมทั้งหมด โดยสถิติมาจาก NPD Group และนับรวมทุกแพลตฟอร์มตั้งแต่ PC, Console กับ Mobile (สถิติมือถือรวบรวมโดยทีมงาน Sensor Tower)
- รายได้ 35.8 พันล้านเหรียญ มาจากการซื้อซอร์ฟแวร์, สินค้าในเกม และระบบสมัครสมาชิก Subscriptions ซึ่งเป็นการทำลายสถิติทุกปีที่ผ่านมาโดยตัวเลขเพิ่มขึ้นจากปี 2017 ถึง 18%
- รายได้ 7.5 พันล้านเหรียญ มาจากการขายฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง โดยตัวเลขเพิ่มขึ้นจากปี 2017 ถึง 15%
ถึงแม้ว่าหน่วยงาน ESA ไม่เปิดเผยว่าเกมไหนสามารถทำรายได้สูงสุด แต่หากสังเกตจากชาร์ตเกมขายดีประจำเดือนในปี 2018 ส่วนใหญ่จะเป็นเกมที่มีกระแสโด่งดังระดับ Blockbuster อย่าง Marvel’s Spider-Man, God of War, Red Dead Redemption 2 และ Call of Duty: Black Ops 4
นอกเหนือจากนี้ ทางบริษัท Nintendo ก็ถือว่าทำตัวเลขได้ไม่เลวในตลาดอเมริกาเช่นกัน ในช่วง Black Friday ปี 2018 ที่ผ่านมา เครื่องเกม Nintendo Switch ติดแท่นเป็นเครื่องเกมที่ขายดีที่สุด และปัจจุบันกระแสเครื่องเกมก็ยังได้รับความนิยมต่อเนื่องอีกเช่นกัน
ข่าวนี้เป็นการแสดงถึงความสำเร็จของวงการเกมฝั่งอเมริกาเหนือที่มีความเจริญอยู่แล้ว ทำให้มันเจริญมากยิ่งกว่าเดิม ก็หวัง ปี 2019 จะเป็นปีที่ดีต่อไปสำหรับวงการเกมครับ