เกมเมอร์หลายคนอาจจะเห็นเคสที่รัฐบาลพยายามยื่นเรื่องแบนระบบ Loot Box เพราะถือว่าเข้าข่ายเป็นการพนันอย่างหนึ่งมาหลายครั้งแล้ว แต่เคสนี้เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยื่นเรื่องแบน Loot Box ที่เน้นเจาะตลาดกลุ่มเด็กโดยเฉพาะ !
อ้างอิงจาก PC Gamer รายงานว่าคุณ Jash Hawley สมาชิกวุฒิสมาชิกแห่งประเทศสหรัฐฯ ยื่นเอกสารแถลงการณ์หัวข้อ “พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กจากเกมที่ไม่เหมาะสม” ต่อหน่วยงานกฎหมาย และเสนอแนะให้แบนระบบ Lootbox และ Pay-to-Win บนวิดีโอเกม ที่มุ่งเป้าหมายสำหรับกลุ่มเด็ก โดยเขากล่าวว่า…
โซเชียลมีเดียและวิดีโอเกม ตกเป็นเหยื่อจากการเสพติดของเหล่าเด็ก ๆ และนำพฤติกรรมเสพติดเหล่านั้นมากอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัว
ไม่ว่าโมเดลธุรกิจนี้จะทำให้อุตสาหกรรมเกมเติบโตมากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่จะใช้เด็กเป็นเครื่องมือหากำไร
คุณ Hawley ยกตัวอย่างเกม Candy Crush ซึ่งเป็นกรณีตัวอย่างเหมาะสมที่สุดสำหรับเคสนี้ เขากล่าวว่าแม้เกมเปิดให้เล่นฟรี แต่ผู้เล่นสามารถซื้อชุดไอเท็ม Luscious Bundle ด้วยราคา 150 เหรียญฯ (ประมาณ 4,700 บาท) เพื่อเพิ่มเงินในเกม, พลังชีวิตไม่จำกัด 24 ชั่วโมง, และช่วยบัฟฟ์สถานะต่าง ๆ
ในเมื่อเกมที่ออกแบบสำหรับเด็ก ผู้พัฒนาเกมก็ไม่ควรฉวยโอกาสสร้างรายได้เพิ่มจากผู้เสพติดเกม และเมื่อเด็กเล่นเกมที่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ พวกเขาควรพัฒนาระบบปิดกั้น Microtransactions ด้วย
ผู้พัฒนาเกมที่กอบโกยผลประโยชน์จากเหล่าเด็ก ควรได้รับโทษตามกฎหมายและผลลัพธ์ที่ตามมา
- Jash Hawley
หลังจากการแถลงการณ์ของคุณ Jash Hawley ไม่นาน นายกสมาคมซอฟต์แวร์บันเทิง และ CEO คุณ Stanley Pierre-Louis ออกมาโต้กลับว่าเกมมือถือปัจจุบัน มีระบบ Parental Controls ช่วยป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ เติมเงินหรือเข้าถึงเกมบางเกม
มีหลายประเทศอย่างไอร์แลนด์, เยอรมนี, เดนมาร์ก, สวีเดน, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และอังกฤษ ระบุว่าระบบ loot box ไม่นับว่าเป็นการพนัน
พวกเราพร้อมมอบข้อมูลให้แก่คุณวุฒิสมาชิกเกี่ยวกับเครื่องมือและรายงาน ซึ่งยืนยันระบบเกมมีการควบคุมการใช้จ่ายบนเกมมือถือ โดยผู้ปกครองสามารถจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงหรือการซื้อขายในเกมที่ใช้งานง่ายและรวดเร็ว
- Stanley Pierre-Louis
ก็ถือว่าเป็นกรณีที่น่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันสามารถเข้าถึงวัยเด็กง่ายขึ้น และเรายังคงเห็นปัญหาเด็กเติมเงินเกมมือถือเป็นจำนวนมากโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองครับ
