อดีตผู้บริหาร Square Enix ชี้ทางรอดเกม Singleplayer
คุณ Jacob Navok อดีตผู้บริหาร Square Enix ได้ออกมาพูดคุยผ่านทาง X ถึงปัญหาในการพัฒนาเกมในเรื่องของทุนสร้าง โดยหลังการอธิบายถึงการคำนวณจุดคุ้มทุนในการพัฒนาเกม และสาเหตุที่ Square Enix มองว่าเกม Final Fantasy ภาคใหม่ ๆ ของค่ายขายได้ไม่ตรงเป้า
เจ้าตัวได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเอาไว้ว่าราคาของเกมแนว Singleplayer หรือเกมผู้เล่นคนเดียวน่าจะสูงขึ้นไปอีกในอนาคตเพราะบริษัทเกมทั้งหลายก็พยายามดิ้นรนหาวิธีทำเงินใหม่ ๆ ลดค่าแรง ปลดคนงาน เพิ่มราคาเกม หาตลาดใหม่ และเพราะเกม Singleplayer นั้นขยายตลาดได้ยาก เจ้าตัวก็เลยเชื่อว่าเกมแนวนี้มีแต่จะแพงขึ้นเรื่อย ๆ
Now we have to get to the cost of development. Asset generation, motion capture, textures, animation, engineering, infrastructure are incredibly expensive. Making games costs a lot of money. The recent layoff wave is generally a consolidation toward a new expected sales average…
— Jacob Navok (@JNavok) May 23, 2024
โดยการแพงขึ้นดังกล่าวอาจจะไม่ใช่การขึ้นราคาขายที่ 70 เหรียญฯ โดยตรง แต่เป็นการพยายามหาวิธีอื่น ๆ ในการดึงเงินจากลูกค้า เพราะหากว่ากันตามตรงที่ 70 เหรียญฯ นั้นก็ถือว่าแพงมากแล้วสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม ดังนั้นเกม Singleplayer ในอนาคตก็จะต้องอัดแน่นไปด้วยการขายของในเกม หรือการขายตัวเกมใน Edition ต่าง ๆ ในราคาที่แพงทะลุ 100 เหรียญฯ
คุณ Novak ยังได้ให้ความเห็นที่น่าจะเป็นจริงได้ยากไว้ว่า “จริง ๆ แล้วถ้าผู้จัดจำหน่ายได้รับการแบ่งรายได้มากยิ่งขึ้นจากเจ้าของ Platform การขึ้นราคาต่าง ๆ ก็คงจะไม่เกินเลยไปมากนัก เพราะบริษัทสร้างเกมจะได้กำไรจากการลงทุนมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นถ้าพวกเขาได้เงินเต็ม ๆ ที่ 50 ถึง 55 เหรียญฯ จากราคาเกม 70 เหรียญฯ”
โดยปัจจุบันมีการประเมินกันว่าในราคาเกม 70 เหรียญฯ นั้นเหล่าค่ายเกมทั้งหลายจะได้รายได้จริง ๆ อยู่ที่ราว ๆ 40 เหรียญฯ เท่านั้นหลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้กับเจ้าของ Platform
ข่าวนี้และความคิดเห็นของคุณ Navok ก็ออกมาท่ามกลางกระแสดรามาในเรื่องของราคาเกม เพราะล่าสุดเกมเมอร์จำนวนไม่น้อยก็ออกมาแสดงความไม่พอใจในราคาของเกม Assassin’s Creed Shadows ที่ออกวางจำหน่ายตัว Edition พิเศษในราคาสูงถึง 110 เหรียญฯ ในตัว Gold Edition และ 130 เหรียญฯ ในตัว Ultimate Edition