อดีตเด็กฝึกงานทีมพัฒนาเกม Chucklefish หรือผู้สร้าง Starbound จำนวนมาก ออกมาแฉว่าบริษัทเกมไม่ยอมจ่ายเงินเดือนให้พนักงานตามสัญญา พร้อมมีวัฒนธรรมการทำงานแบบ Crunch Culture ที่ผิดจรรยาบรรณเกินทน
PCGamesN รายงานจากทวิตเตอร์ของ Damon Reece อดีตเด็กฝึกงานให้ทีมงาน Chucklefish ได้โพสต์เล่าประสบการณ์การทำงานที่เลวร้ายภายในบริษัทเป็นเวลาสองปี
เขากล่าวว่าช่วงเวลานั้น เขาอายุ 16 ปี กับเด็กฝึกงานคนอื่นเผยว่าต้องทำงานให้กับทีมงาน Chucklefish หักโหมเกิน 100 ชั่วโมง แต่ทว่ากลับไม่ได้รับเงินแม้แต่ 1 เซนต์ ในขณะที่วิดีโอเกม (Starbound) สามารถทำรายได้เป็นจำนวนมากถึง 2.5 ล้านชุด หลังจากปลด Early Access
นอกจากนี้ Reece กล่าวว่า Chucklefish ก็มีวัฒนธรรมการทำงานที่เข้าข่ายเป็น Crunch Culture ที่ใช้สภาพแวดล้อมในการบีบบังคับให้นักพัฒนาเกมทุกคนต้องทำงานหนัก โดยกล่าว “ทีมงานมีการตั้งเวลาเส้นตายตั้งแต่แรก และนักสร้างเกมทุกคนจะถูกกดดัน เร่งรีบพัฒนาเกมให้เสร็จ ไม่งั้นรายชื่อจะถูกตัดออกจากเครดิต”
โพสต์ของ Damon Reece ทำให้เกิดกระแสกลายเป็นเรื่องพูดคุยภายในวงการเกม และพนักงาน, เด็กฝึกงาน กับแฟนเกม Starbound จำนวนมาก ร่วมออกมาสนับสนุนโพสต์ของ Damon กันอย่างล้นหลาม
Starbound เป็นหนึ่งในเกมโปรดของผม ผมรู้สึกเสียใจกับเรื่องบ้า ๆ แบบนี้
Starbound is one of my favorite games, I'm so sorry they exploited you like this what the fuck
— amythyst (@amythyyst) August 28, 2019
ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
ในฐานะที่พวกเราเป็นนักเรียน ขอขอบคุณที่ท่านยอมเล่าประสบการณ์การทำงาน และกล้าหาญที่จะบอกกล่าวเรื่องนี้เพื่อให้นักพัฒนาเกมในอนาคต ระมัดระวังเรื่องนี้มากขึ้น
We are so sorry this happened to you. Us students thank you for sharing your experience. We admire your bravery for speaking up and will share to our community to caution young developers starting out.
— LevelUpUK (@_LevelUp_UK_) August 28, 2019
นอกจากนี้ ก็มีอดีตพนักงาน Starbound ร่วมออกมาแฉทีมพัฒนาเกม Chucklefish และสนับสนุนความคิดเห็นว่า เธอก็ไม่ได้รับเงินเดือนจากทีมงานแม้แต่นิดเดียว ตรงกับ Damon ที่กล่าวไว้ในโพสต์
ฉันทำงาน (ให้ Chucklefish) มากกว่า 100 ชั่วโมง และฉันก็ไม่ได้รับเงินชดเชยเลย ตอนนั้นฉันกลัวที่จะถามหรือทวง เพราะถ้าหากทำแบบนั้น พวกเขาจะโดนตะคอกกลับมา
– Fetalstar
I put in at least a hundred hours of work, and didn't see any sort of compensation. I was really naive and too afraid to ask to be paid, because anyone who did would be screamed at.
— fetalstar is a ✨menace✨ (@fetalstar) August 28, 2019
ฉันเกือบรับหน้าที่ทำเพลงประกอบและดนตรีสำหรับ Starbound
จนกระทั่งผู้กำกับบอกว่าฉันจะไม่ได้รับเงินโดยทันที และบอกว่าฝ่ายศิลปินและนักเขียนโปรแกรมก็ไม่ได้รับเงินอีกด้วย
ฉันก็บอกกับเขา “นี่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” แล้วหลังจากนั้น เขาก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉัน พร้อมบอกข่มว่า “ผมทำเองก็ได้ เพราะอย่างไร คุณคงทำเพลงออกมาแย่อยู่ดี”
– Clark Powell
หลังจากนั้นไม่นาน ทีมงาน Chucklefish ได้เขียนจดหมายแถลงการณ์แสดงความเสียใจ พร้อมยอมรับว่ามีการไม่ยอมจ่ายเงินเดือนให้เด็กฝึกงานกับพนักงานผู้สร้างเกม “จริง” แต่ทีมงานยืนยันว่า พวกเขาไม่มีวัฒนธรรมการทำงานแบบ Crunch Culture กับการถอดรายชื่อเครดิตหากทำงานไม่เสร็จตรงตามเส้นตาย
https://twitter.com/demanrisu/status/1168098826390949888
แต่อย่างไรก็ตาม Reece ก็ออกมาโต้กลับแถลงการณ์ของ Chucklefish ว่า ทีมงานบีบบังคับให้ต้องลงชื่อสัญญา เพื่อทำงานแบบ Crunch Culture โดยพวกเขากล่าวว่าเป็น “เรื่องปกติสำหรับอุตสาหกรรมเกมในตอนนี้” และทีมงานอาจจะพิจารณารับเขาเข้าร่วมทำงานภายในบริษัท หากทำงานให้ทีมงานฟรี
เรื่องราวดราม่าระหว่างพนักงานเด็กฝึกงาน กับ Chucklefish กำลังดุเดือด และหน้า Steam Review ของเกม Starbound ตอนนี้ กำลังถูกบอมบ์วิจารณ์แง่ลบจากเหล่าเกมเมอร์บางส่วน ปัจจุบัน Chucklefish ยังไม่มีการปล่อยแถลงการณ์เพิ่มเติมแต่อย่างใด