เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา Chet Faliszek อดีตนักเขียนบทของเกม Left 4 Dead และอดีตพนักงาน Valve ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านช่อง Podcast “KIWI TALKZ” เผย Left 4 Dead ภาคแรกเกือบไม่ได้มีซอมบี้เป็นศัตรูประจำเกมแล้ว
Faliszek เล่าว่าเรื่องราวทั้งหมด เริ่มต้นในช่วงการพัฒนาเกม Left 4 Dead โดย Gabe Newell ผู้บริหาร Valve คนปัจจุบัน ได้สอบถาม Faliszek ในระหว่างการรับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันว่า L4D มีไอเดียเด่นเป็นเอกลักษณ์อย่างไรบ้าง
“Gabe ถามผมว่าในขณะที่หนังซอมบี้ Night Of The Living Dead มีนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติ, Dawn Of The Dead มีแนวคิดเกี่ยวกับบริโภคนิยม แล้ว L4D เป็นเกมเกี่ยวกับอะไร ซึ่งผมก็ตอบไปว่าเป็นเกมที่เน้นการโชว์ความสามัคคี การทำงานร่วมกันเพื่อเอาตัวรอดจากซอมบี้” – Faliszek กล่าว
หลังจาก Gabe ได้ยินคำตอบของ Faliszek เขาได้แสดงความคิดเห็นในเชิงคัดค้านว่า L4D ควรเปลี่ยนจากซอมบี้เป็นอย่างอื่นแทน เพราะ Gabe คิดว่าซอมบี้ในสื่อบันเทิงตอนนี้มีเยอะจนเกร่อแล้ว
ซึ่งตอนนั้น Faliszek ก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับ Gabe เพราะนึกได้ว่าหนังสยองขวัญคลาสสิกส่วนใหญ่ที่เขาเคยรับชมตั้งแต่เด็ก ล้วนมีพล็อตที่ค่อนข้างซ้ำซาก พล็อตเชย ๆ ที่พบเห็นได้หลายเรื่องจนรู้สึกเกร่อแล้ว
ด้วยเหตุผลดังกล่าว Faliszek จึงปรับแนวคิดของ L4D ใหม่ ด้วยการสร้างบุคลิกตัวละครให้มีการตระหนักถึงสภาพแวดล้อม ที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าให้มากขึ้น เช่น แม้ Zoe กับ Lewis รู้ว่าซอมบี้มาจากหนัง แต่สิ่งที่พวกเขากำลังเจอในเกมนั้นเป็นซอมบี้จริง ๆ ไม่ใช่มอนสเตอร์ที่มีแต่ในหนังอีกต่อไป
และแน่นอน Faliszek ยังเดินหน้าพัฒนา L4D ต่อไปโดยไม่สนคำคัดค้านของ Gabe Newell แล้วสุดท้าย ผลลัพธ์ออกมา L4D กลายเป็นหนึ่งในเกม CO-OP แอ็กชัน-เอาตัวรอดจากซอมบี้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล
ที่มา: VG24/7