Devotion เป็นเกมสยองขวัญสัญชาติไต้หวันที่ได้รับความนิยมและเสียงตอบรับที่ดีมากจากผู้เล่น ด้วยบรรยากาศและธีมที่ไม่เคยถูกนำเสนอที่ไหนมาก่อน แถมยังทำออกมาได้อย่างลงตัวเป็นอย่างมาก ทำให้เกมนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเกมสยองขวัญที่น่าสนใจและน่าเล่นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามถึงแม้เกมจะดีขนาดไหนก็ใช่ว่าจะไม่มีสิทธิ์โดนรีวิวในแง่ลบจากผู้เล่น เพราะมีคนชอบย่อมต้องมีคนไม่ชอบเช่นกัน แต่ในเคสล่าสุดที่เกิดขึ้นกับเกมนี้กลับเป็นเหตุผลที่แปลกประหลาด แต่อาจจะเป็นเรื่องที่อาจจะชินกันไปแล้วหากคุณติดตามข่าวต่างประเทศบ่อย ๆ
โดยในตัวเกม Devotion ได้แอบสอดแทรกฉากล้อเลียนประธานาธิบดีของประเทศจีนอย่าง “สีจิ้นผิง” เอาไว้ด้วย และมาในรูปแบบของสภาพแวดล้อมตามฉากอย่าง “ยันต์” ที่ถูกเขียนด้วยอักขระจีนและแปลออกมาได้ว่า “สี้ จิ้นผิง เจ้าหมีพูห์ติงต๊อง” ซึ่งแน่นอนว่ามีคนไปค้นพบและเอามาเผยแพร่ว่าตัวเกมได้มีการใส่เจ้านี่เอาไว้ในเกม
แน่นอนว่าเมื่อมีการค้นพบจนเรื่องกำลังจะแดง ทางทีมสร้างจึงออกมาขอโทษเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่าพวกเขาได้ใช้เจ้ายันต์นี้เป็นทรัพยากรแบบ “Placeholder” ที่ใช้ในการแทนที่สิ่งของที่อาจจะยังไม่ได้ทำหรือยังทำไม่เสร็จแทนไปก่อนในการทดสอบเกม และเจ้ายันต์นี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น เพียงแต่โชคร้ายหน่อยที่มันไม่ถูกเปลี่ยนตอนเกมวางจำหน่าย และทีมสร้างก็รีบปล่อยแพทช์ออกมาแก้ไขยันต์เจ้าปัญหานี้เพื่อไม่ให้เรื่องแดงไปมากกว่านี้
แต่ทว่ามันสายเกินไปแล้วเมื่อเหล่าเกมเมอร์จีนได้รู้เรื่องราวในสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ตัวเกม Devotion ถูกถล่มรีวิวในแง่ลบ (Review-Bomb) จนยับ ทำให้กว่า 60% ของรีวิวเกมนี้เป็นไปด้วยรีวิวในแง่ลบ โดยถูกถล่มมากกว่า 2,000 รีวิว เรียกได้ว่าเละตุ้มเป๊ะอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดีบางรีวิวในแง่ลบก็ได้ให้ความเห็นในแง่ของคำแนะนำติชมในแบบรีวิวจริง ๆ เช่นเดียวกัน
ส่วนสาเหตุว่าทำไมเกมเมอร์จีนถึงเข้าไปถล่มให้รีวิวในแง่ลบขนาดนี้ หากคุณคิดว่าเป็นเหตุผลว่าชาวจีนไม่ชอบที่ให้มีการล้อเลียนล่ะก็ มันก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่หากเราเจาะไปลึก ๆ แล้ว เราจะได้เหตุผลจริง ๆ ที่เหล่าเกมเมอร์จีนทำแบบนี้ก็คือ “พวกเขากลัวว่า Steam จะถูกแบนในประเทศจีน” เนื่องจากว่าประธานาธิบดีของประเทศจีนอย่างสีจิ้นผิง ขึ้นชื่อเรื่องของการแบนสื่อที่มีการล้อเลียนตนเอง และเกรงว่าการมีตัวตนของเกมนี้จะทำให้ Steam พาลถูกแบนในประเทศจีนไปด้วย
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสีสัน (รึเปล่า ?) ในวงการเกมที่กลายเป็นบทเรียนสำคัญทั้งกับทีมพัฒนาและผู้เล่นเกี่ยวกับเรื่องของการเมือง ที่บางเรื่องหากไม่ไปยุ่งก็อาจจะเป็นการจะดีเสียมากกว่า ถึงแม้อิสรภาพในการแสดงความคิดเห็นจะมากเพียงใด แต่การไม่หาเรื่องใส่ตัวก็ย่อมเป็นหนทางที่เวิร์คกว่าในบางกรณีครับ