เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทีม Dota 2 PSG.LGD ได้ประกาศลงโทษผู้เล่นของตนอย่าง Yao “Maybe” Lu หนึ่งในโปรเพลเยอร์คนสำคัญของทีม ผู้มีฝีมือที่ได้รับการยอมรับในวงการ ในข้อหาที่เขามีพฤติกรรมการเหยียดเชื้อชาติ ในระหว่างการพูดคุยในคอมมูนิตี้ของเขา
เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อราว ๆ วันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา ระหว่างการพูดคุยในกระทู้หนึ่งใน Weibo (Social Network หนึ่งของจีน คล้ายๆ กับ Facebook) เกี่ยวกับเรื่องของ Heroes Pool หรือ Hero ที่ทีมหนึ่งๆ นิยมใช้, หรือก็คือ Hero ที่ผู้เล่นในทีมสามารถเล่นได้ ซึ่งจะเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถใช้วัดความสามารถของทีมนั้นๆ ได้ เพราะการที่สามารถเล่น Hero ได้หลาย ๆ ตัว หมายถึงทีมนั้น ๆ สามารถเล่นได้หลายรูปแบบ และมีแผนการเล่นที่มากกว่านั่นเอง
โดยที่ Maybe ซึ่งสังกัดทีม PSG.LGD และทีมของเขาก็ถูกกล่าวหาในการถกเถียงนั้นว่า LGD เป็นทีมที่มี Hero Pool น้อย ซึ่งได้มีการยกทีม Wing Gaming แชมป์ TI 2016 ซึ่งมี Hero Pool เกือบ 20 ตัว ในขณะที่ LGD ของเขานั้น ถูกกล่าวหาว่ามีเพียง 4-5 ตัวเท่านั้น ทำให้ Maybe ถึงกับโพสต์ข้อความที่ทำให้เขาถูกลงโทษในครั้งนี้ว่า
พ่อแม่ของพวกเองเป็นใครกัน ถึงจะเล่น Hero ได้ 100 กว่าตัว ?? พวกเราก็เล่นกันแค่ 20 ตัวเท่านั้นล่ะ แล้วนี้ตกลงว่าแม่ของพวกแกเป็นม้าต่างชาติ หรือพ่อพวกเองเป็นหมูขาวกันแน่ !! – Maybe
** ม้าต่างชาติ และหมูขาว (大洋马/白皮猪) คือศัพท์สแลงสำหรับใช้ด่าในแบบคนจีน ไม่มีการระบุที่มาที่แน่ชัดแต่สันนิษฐานว่า มาจากวงการหนังผู้ใหญ่ของจีน ที่มักจะมีการจับคู่คนจีนกับคนต่างชาติอยู่ในบางครั้ง อีกแหล่งข้อมูลระบุว่า คำว่า “ม้า” เป็นคำเรียกหญิงในสมัยก่อนที่เข้าไปเป็นภรรยาน้อยของเหล่าผู้มีอันจะกิน ดังนั้นคำว่า “ม้าต่างชาติ” และเรื่องในวงการหนังผู้ใหญ่ จึงน่าจะหมายความเช่นเดียวกัน
โดยโทษที่ Maybe จะได้รับคือ ปรับเป็นเงินกว่า 50,000 หยวน หรือราว ๆ 2.2 แสนบาท พร้อมทั้งการกล่าวของโทษอย่างเป็นทางการกับเจ้าตัว ทั้งนี้ Maybe จะมีชื่อในการแข่ง TI 2019 ที่กำลังจะถึงนี้ด้วย ในฐานะผู้เล่นจากทีม PSG.LGD ที่เข้ารอบด้วยคะแนน DPC ในอันดับ 6 ซึ่งผลกระทบในเรื่องนี้ ก็ยังไม่มีการระบุออกมาแต่อย่างใด
Official statement from LGD Gaming regarding penalty for Maybe:
Read: https://t.co/ly0HqMMd6a
— LGD Gaming (@LGDgaming) July 10, 2019
ปัญหาการ Toxic และการเหยียดเชื้อชาติใน Dota 2
ในเรื่องของการ Toxic นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นของคู่กับเกม โดยเฉพาะกับเกมที่ต้องปะทะกับผู้เล่นมากหน้าหลายตาอย่าง Dota 2 ปัญหานี้ดูจะมากกว่าเกมอื่นๆ เพราะมันลุกลามไปแม้กระทั้งในหมู่ผู้เล่นระดับโปร ที่มีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นเรื่อยมา ไม่เว้นแม้กระทั้งการแข่งขันใหญ่ๆ ก็เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วบ่อยครั้ง
หากย้อนไปแค่ประมาณช่วงปลายปีที่ผ่านมา คดีของ Andrei “skem” Ong ถือเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่ผู้คนจำได้มากที่สุด โดยเขาได้ใช้คำไม่สุภาพเชิงดูถูกเหยียดเชื้อชาติ ในโปรแกรมการแข่งขัน DreamLeague Season 10 โดยการกล่าวคำว่า “Gl chingchong” ในช่วงเริ่มเกม (เป็นการดูถูกสำเนียงภาษาอังกฤษของคนจีน)
และในเวลาต่อมาไม่นาน Carlo “Kuku” Palad ผู้เล่นในจากชาติเดียวกัน ก็ได้ก่อคดีเดิมในลักษณะเดียวกันเพิ่มอีกราย ทำให้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่ทั้งคอมมูนิตี้ผู้เล่น Dota 2 และแม้แต่คนทั่วไปก็เริ่มให้ความสนใจ ร้อนไปถึงหน่วยงานภาครัฐของจีนต้องลงมาจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะมันดันไปเกิดใกล้กับช่วง Chongqing Major พอดี
และข่าวล่าสุดที่ Alexei “Solo” Berezin โปรจากทีมหมีขาว Virtus.pro ประกาศจะไม่ลงแข่งในรายการ EPICENTER Major ที่พึ่งจบไปเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา หาก Valve ไม่ดำเนินการใด ๆ ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเหยียดที่กำลังเป็นปัญหาของทั้งการแข่งและตัวเกมมาอย่างยาวนาน จากเหตุการณ์ที่ Sébastien “7ckngMad” Debs นักแข่งจากทีม OG ที่ได้กล่าวข้อความดูถูกทีมตรงข้ามในการเล่น Public Game (เล่นเกมปรกติ) แมทช์หนึ่ง
ซึ่งในเรื่องนี้ Valve เอง ก็มีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดนี้มาโดยตลอด แต่ในเรื่องของความคาดหวังของแฟน ๆ ก็ถือว่าได้ไปไม่มากนัก เพราะปัญหาต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นมาตลอด 6 ปีที่ Dota 2 เปิดให้บริการมา และมันก็ดูจะไม่ได้ลดลงเลย ทั้ง ๆ ที่ Valve ก็เป็นบริษัทใหญ่ มีกำไรมหาศาลและมีศักยภาพพอที่จะคุมเรื่องพวกนี้ให้อยู่หมัด หลายคนจึงตั้งข้อสังเกตว่า Valve เอง ที่จริงแล้วก็ไม่ได้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก
Dota 2 กำลังจะมีงานแข่งใหญ่ The International 2019 ในช่วงปลายปีนี้ เรื่องการเหยียดเชื้อชาติและปัญหา Toxic ต่าง ๆ จะส่งผลกับการแข่งนี้หรือไม่ และ Valve จะหาทางป้องกันเรื่องนี้อย่างไร ก็ต้องคอยดูในศึกใหญ่ที่กำลังจะถึงนี้
Source : afkgaming.com, quora.com