ยุคเดียวไม่พอ เอามาเยอะๆเลย
เหล่าเกมเมอร์ล้วนทราบกันดีว่า Assassin’s Creed นั้นคือเกม Action ผจญภัยที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของโลก และได้ไปมาแล้วหลายยุคสมัย แต่ที่ผ่านๆมาล้วนมาในรูปแบบภาคละยุคเสียหมด แต่ในอนาคตข้างหน้านี้ เราอาจจะได้เห็นเกมซีรีส์นี้ขยับขึ้นไปอีกขั้น นั้นก็คือการใส่เส้นเรื่องของประวัติศาสตร์หลายๆยุคเข้าไปในภาคเดียวนั้นเอง
เรื่องนี้มีที่มาจาก Vice President Creative ของ Ubisoft คุณ Lionel Raynaud ได้พูดใน Blog ทางการของ Ubisoft ไว้ว่า เกมๆหนึ่งที่มีเนื้อหาเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์โลกที่ผู้เล่นได้ท่องเที่ยวไปในโลกยุคต่างๆนั้น อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถอัพเดตเพิ่มเนื้อหาในยุคอื่นๆเข้าไปด้วยหลังจากเกมออกได้ ซึ่งเกมอย่าง Far Cry หรือ Watch_Dogs ก็เป็นตัวอย่างที่มีการให้ผู้เล่นท่องเที่ยวไปในเมืองหรือยุคอื่นๆที่นอกเหนือจากเกมหลักได้
“เราสามารถที่จะเพิ่มเส้นเรื่องทางประวัติศาสตร์ในโลกเดียวกันของเกมนั้นๆได้ ยกตัวอย่างเช่น Assassin’s Creed ที่ตัวละครหลักของเกมใช้เครื่อง Animus ข้ามเวลากลับไปยังยุคนั้นๆได้น่ะครับ”
“หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือให้ผู้เล่นเข้าไปสู่พื้นที่ที่แตกต่างจากปกติด้วยระบบการเดินทางในเกม ซึ่งเกมอย่าง Far Cry หรือ Watch_Dogs ที่มีความเป็นไปได้ที่จะมีระบบที่ให้ผู้เล่นเดินทางข้ามประเทศได้แบบไร้รอยต่อเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการเล่นแบบใหม่”
ซึ่งเส้นแบ่งของเกมในภาคๆหนึ่งนั้นมาถึงก็ต่อเมื่อเราเล่นไปจนถึงจุดสิ้นสุดของมัน แต่ในทุกวันนี้เรามีเนื้อหาใหม่อัพเดตตลอดเวลาหลังจากเกมออกมาแล้ว ซึ่งนั้นก็ทำให้เส้นแบ่งที่ว่านี้จางลงไปเรื่อยๆทุกปี ซึ่งคุณ Lionel ได้พูดเสริมในประเด็นนี้ไว้ว่า
“เส้นแบ่งของเกมแต่ละภาคนั้นจางลงทุกปีครับ เรามีช่วงเวลาที่เอาไว้ประกาศเปิดตัวแบบยิ่งใหญ่ และการต่ออายุให้เกมต่างๆในเครือของเราที่วางแผนเอาไว้แล้ว และแม้แต่เกมที่เน้นไปในการเล่นคนเดียวก็มีเตรียมไว้ อย่างเช่นเกมแนวแอกชั่นผจญภัย เกมเหล่านี้จะเปิดตัวอย่างทรงพลัง และผุ้เล่นก็จะติดหนึบอยู่กับโลกในเกมไปอีกนาน ซึ่งนั้นทำให้เส้นแบ่งของแต่ละภาคนั้นมันจางลงไปเรื่อยๆทุกๆปีครับ”
“เราได้เห็นถึงอนาคตของเกมเหล่านี้ที่เปิดตัวไปก่อนแล้ว และประสบการณ์ใหม่ๆจะเติมเข้าไปเรื่อยๆ แต่เราก็จะมีเทคโนโลยีที่เข้ามาและข้ามผ่านมันไป ซึ่งนั้นก็เพราะเทคโนโลยีใหม่ๆมันเข้ามาแทนที่แล้วนั้นเองครับ”
ซึ่งถ้าเราดูจากสิ่งที่ Assassin’s Creed ทำมาในภาคก่อน เราก็พอเชื่อได้ว่าพวกเขาอาจจะอยากลองทำในสิ่งใหม่ๆดูบ้าง ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำมาก็มีตั้งแต่ไตรภาคของ Ezio(ภาค 2, Brotherhood และ Revealation) และพอมาถึงภาคล่าสุดอย่าง Origin และ Odyssey เราก็เชื่อว่าพวกเขาจะทำแบบนั้นอีกครั้งหนึ่ง และความสร้างสรรค์ของพวกเขาจะออกผลมาให้เหล่าเกมเมอร์ได้สนุกแค่ไหน ก็ต้องรอชมกันต่อไปครับ