Netflix กำลังจะเปิดโอกาสให้ผู้ชมตัดสินว่าซีรี่ส์และภาพยนตร์ที่พวกเขาติดตามจะดำเนินเรื่องต่อไปอย่างไร ซึ่ง Netflix จะทดสอบโปรเจกต์ดังกล่าวภายในสิ้นปี
Netflix จะทดสอบโปรเจกต์ดังกล่าวใน Black Mirror: Season 5 ที่มีกำหนดฉายในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยผู้ชมต้องตัดสินใจเลือก Storyline ที่จะส่งผลต่อตอนถัดไป หรืออาจทั้งเนื้อเรื่องของซีรี่ส์ (คล้าย ๆ กับเกม Detroit: Become Human หรือ Heavy Rain)
Netflix to Launch Choose-Your-Own-Adventure Interactive Shows With 'Black Mirror' Special https://t.co/Nkim01uBtl pic.twitter.com/1HJy5Pcwc8
— TheWrap (@TheWrap) October 1, 2018
การเปิดโอกาสให้ผู้ชมกำหนดอนาคตของตัวละครหรือเนื้อเรื่องเป็นฟีเจอร์ใหม่ในวงการโทรทัศน์ที่เรียกว่า ‘Interactive TV’ ซึ่ง Netflix กำลังจะใช้วิธีการนี้เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ และรักษาลูกค้าเก่าไว้ด้วยความสดใหม่ที่ Netflix พยายามนำเสนอมาโดยตลอด นักวิเคราะห์คาดว่าฟีเจอร์ Interactive TV อาจมีให้ใช้ทั่วไปในซีรี่ส์และภาพยนตร์ของ Netflix ในอนาคต หากโปรเจกต์นี้สำเร็จ
Black Mirror เป็นซีรี่ส์สำหรับผู้ใหญ่เรื่องแรกของ Netflix ที่ผู้ชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับทางเลือกของตัวละคร การเล่าเรื่องรูปแบบใหม่นี้มีการลงทุนที่สูงและใช้เวลาพัฒนาบทนานขึ้นกว่าเดิม โดยที่ผ่านมา บทละครมีเพียง 100 หน้า แต่เมื่อผู้ชมสามารถเลือกอนาคตของบทละครได้ นักเขียนบทต้องเขียนสคริปต์ที่ยาวมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อรองรับทางเลือกที่หลากหลาย ผู้กำกับและนักแสดงต้องถ่ายทำหลายรอบเพื่อรองรับเส้นเรื่องที่มากขึ้นเช่นกัน
Netflix เคยทดสอบฟีเจอร์ Interactive TV ก่อนหน้านี้แล้วในรายการเด็กอย่าง Puss in Book ส่วน Black Mirror เป็นการทดสอบฟีเจอร์ดังกล่าวกับกลุ่มผู้รับชมที่เป็นผู้ใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าทางเลือกใน Black Mirror จะมีความซับซ้อนและตัดสินใจยากกว่าตัวเลือกในรายการเด็ก
มีผู้ผลิตรายการมากมายที่ต้องการสร้างรายการในรูปแบบ Interactive และมองว่า Netflix เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมเนื่องจาก Netflix มีฐานผู้ชมที่เยอะขึ้นและนักลงทุนให้ความสนใจอย่างล้นหลาม
อย่างไรก็ตาม คู่แข่งของ Netflix อย่าง HBO ได้ทดสอบฟีเจอร์ Interactive TV ในรายการของค่ายตัวเองอย่าง Mosaic ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ Netflix ต้องเผชิญ เพราะ Netflix ต้องพัฒนาฟีเจอร์ดังกล่าวให้น่าสนใจและน่าติดตามกว่าของคู่แข่ง
นาย Jim Spare หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท Eko บริษัทผลิตรายการแนว Interactive ให้ความคิดเห็นกับสื่อว่า ความต้องการของผู้บริโภคในการรับชมรายการทีวีเปลี่ยนไปอย่างมาก รวมทั้งผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงได้แทบทุกคน และการสั่งการเทคโนโลยีไม่ยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อน Interactive TV จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะประสบความสำเร็จ
“The time is right for interactive TV to become a mainstream experience.”