วัฒนธรรมการทำงานแบบ Crunch เป็นเรื่องน่าจับตามองในวงการอุตสาหกรรมเกม และทางทีมผู้พัฒนาเกมหลายแห่งเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น และในนั้นคือ Bungie ที่มองเห็นถึงปัญหาเหล่านี้และพยายามแก้ไข จนล่าสุดต้องยอมดีเลย์ Patch ของ Destiny 2 เพื่อไม่ให้ทีมพัฒนาทำงานหนักกันเลยทีเดียว
อ้างอิงจาก Games Industry รายงานว่าทีมพัฒนาเกม Bungie (ผู้พัฒนาเกม Destiny) ออกมากล่าวผ่านไลฟ์สตรีม GuardianCon 2019 charity ว่าทีมงานจะขอเลื่อน Patch ของเกม Destiny 2 ออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ทีมงานต้องทำงานกันแบบ Crunch เกินไป
พวกเราจำเป็นต้องขอเลื่อน Patch ออกไปก่อน พร้อมสอบถามพูดคุยกับพนักงานที่ทำงานหนักว่ามันคุ้มค่ากับแรงที่เสียไปหรือเปล่า ? จะคุ้มกว่าไหม ถ้าหาก (พนักงาน) มีเวลาทำงานที่สมดุล แล้วค่อยปล่อย Patch ภายหลังในช่วงเดือนกรกฎาคม ?
ผมกล้าพูดจริง 100% ต่อหน้าพระเจ้าเลยว่าเราพยายามสอดส่องพนักงานที่ทำงานหนักเป็นพิเศษเป็นประจำ
วัฒนธรรมการทำงาน Crunch ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องจากเหล่าเกมเมอร์ หลังมีสำนักข่าวหลายแห่ง (รวมถึงอดีตพนักงาน) ออกแฉว่าบรรยากาศที่ทำงานมีความกดดันกับหักโหมเกินไป เคสล่าสุดคือ NetherRealm Studio และทีมผู้สร้าง Fortnite ถูกรายงานว่ามีลักษณะการทำงานแบบ Crunchin
แน่นอนว่าการลบวัฒนธรรม Crunch ออกจากบริษัทเป็นสิ่งที่ยากและต้องใช้เวลา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องอธิบายให้ทีมงานทุกคนเข้าใจถึงภัยร้ายจากลักษณะการทำงานดังกล่าวที่อาจส่งผลเสียทั้งด้านร่างกายกับจิตใจ
เมื่อบริษัทคุณเคยมีการ Crunch มาก่อน แล้วพยายามสร้างความเข้าใจและรณรงค์ไม่ให้กระทำแบบนั้นอีกเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะเราต้องเปลี่ยนแผนเวลาและวัฒนธรรมการทำงานทั้งหมด
ซึ่งมันต้องใช้เวลานานมากโดยใช้เวลาเป็นปี และทำให้เกมหลายเกมต้องเลื่อนออก เพื่อหลบหนีจากการทำงานแบบ Crunch ไปให้ไกลที่สุด
ปัจจุบัน Bungie พยายามรณรงค์ต่อสู้กับวัฒนธรรมการทำงาน Crunch กับบริษัทตัวเอง หลังจากการสร้างเกม Halo 2 ที่เคยเร่งพัฒนาอย่างหนักจนฝ่ายหัวหน้าทีมงานต้องกล่าวว่า “เกือบทำให้บริษัทพังทลาย” ซึ่งการดีเลย์ Patch ของ Destiny 2 อาจมีสาเหตุมาจากทีมงานไม่อยากเจอเหตุการณ์ซ้ำรอยอีกครั้ง
