บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มจาก Deep Silver ที่ออกมาชี้แจงว่าเกม Homefront: The Revolution นั้นไม่เหมือน Far Cry
หลายคนคงได้เห็น Trailer และภาพใหม่จาก Homefront: The Revolution กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและก็รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเกมภาคนี้มีองค์ประกอบที่คล้ายกันกับเกมอย่าง Far Cry ภาค 3 และ 4 เสียนี่กระไร ล่าสุด Deep Silver รีบออกมาชี้แจงถึงประเด็นความคล้ายที่เกมเมอร์ทั่วโลกต่างพูดถึงไว้ดังนี้ครับ
“อันที่จริงแล้วสิ่งที่คุณเห็นล่าสุดมันเป็นแค่ส่วนเล็กของเกมนี้ เห็นได้ชัดว่าบรรยากาศของเกมไม่ได้เกิดขึ้นในป่า มันเป็นการสู้รบในเมือง ดังนั้นสำหรับเราแล้วมันเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องมีองค์ประกอบในการเป็นนักสู้เพื่อปลดปล่อยอิสรภาพและการสู้รบแบบกองโจร
และนั่นคือเป้าหมายหลักที่เราต้องทำให้มันเกิดขึ้น ดังนั้นทุกสิ่งที่เราทำคือการตั้งเป้าในการสร้างสรรค์ภาพและบรรยากาศของการสู้รบแบบกองโจรและความหมายที่แท้จริงของมัน นั่นหมายความว่าคุณจะไม่สามารถใช้ปืนอะไรก็ได้แล้วโจนทะยานเข้าสู่สมรภูมิรบเพราะนั่นหมายถึงคุณจะต้องตายลงอย่างแน่นอน คุณจะต้องคิดหาทางจัดการในขณะที่ศัตรูกำลังประมาท, โจมตี, จัดการในสิ่งที่คุณต้องทำและออกมาเมื่อภารกิจสำเร็จ คุณเป็นหมารองบ่อนในโลกใบนี้ คุณต้องรีบเข้าไปโจมตีก่อนที่พวกมันจะนำอาวุธร้ายแรงออกมาจัดการกับคุณ นี่คือสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนา”
– Deep Silver
นอกจากนี้ทีมพัฒนายังได้พูดถึง Strike Point ที่ผู้เล่นจะต้องไปทำการปลดแอกซึ่งดูแล้วคล้ายกันกับ Outpost ในเกม Far Cry อย่างมาก
“การปลดปล่อย Strike Point แต่ละจุดจะเป็นการเปิดเผยแผนที่และสิ่งต่างๆให้ปรากฏมากยิ่งขึ้น สิ่งหนึ่งที่ระบบของเราไม่เหมือนกันก็คือการที่คุณปลด Strike Point นั่นจะทำให้คุณค้นพบกับภารกิจในซ่อนอยู่จำนวนมาก และศัตรูก็ยังคงมีอยู่ นั่นจะทำให้ผู้เล่นรู้สึกมีอะไรทำมากขึ้นเมื่อพวกเขาย้อนกลับไปในพื้นที่ที่เคยสัมผัสซึ่งนั่นต่างจากเกม Far Cry ที่หากคุณทำภารกิจในบริเวณนั้นจะหมด เหล่าทหารจะหายไป
เราจะทำให้มั่นใจได้ว่าเหล่าทหาร KPA ยังคงอยู่ เพราะพวกเขายึดครองแผ่นดินนั้น พวกเขาจัดการกับประชาชนด้วยกฏเหล็ก ดังนั้นการสร้างปัญหาโดยกองกำลังปฏิวัติของผู้เล่นจำนวนไม่กี่คน ไม่อาจทำให้กองทัพทหารหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
คอนเซ็ปท์คือเมื่อคุณปลดล็อค Strike Point แล้วคุณจะได้เห็นกองกำลังปฏิวัติยืนประจำการตามจุด ยืนสังเกตการณ์จากที่สูง และคุณจะได้เห็นพวกเขาทำภารกิจของตัวเองอยู่
ดังนั้นตัวละครต่างๆจะอยู่อย่างมีเหตุผลในตัวมันเอง คุณจะไม่ใช่คนเดียวที่ทำภารกิจต่อต้าน ทุกคนที่อยู่รอบตัวจะเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจปฏิวัติ หากคุณลองติดตามตัวละครสักตัว พวกเขาจะนำคุณไปสู่ภารกิจที่พวกเขาต้องทำ สำหรับเราแล้วนี่คือจุดต่างของเกมเรากับเกมอื่น ผู้เล่นจะได้พบเนื้อหาของเกมมากมายโดยที่ไม่จำเป็นต้องตั้งใจค้นหาเลยด้วยซ้ำ”
– Deep Silver
ก็พูดมาขนาดนี้คงต้องรอดูเกมเต็มครับว่าจะเหมือนมากน้อยแค่ไหนหรือเป็นแค่”ส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจ” ตัวเกมจะออกวางจำหน่ายในปี 2016 ครับผม
