เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา EA ร่วมกับ Codemasters ได้มีการเปิดตัวเกมแข่งรถแรลลี่ตัวใหม่อย่าง EA SPORTS WRC ไปแล้ว ล่าสุด ทีมงานก็ได้มีการเผยรายละเอียดเกมเบื้องต้น แล้วมีอะไรน่าสนใจบ้าง ก็เข้ามาอ่านกันได้เลย
Ross Gowing ตำแหน่ง Senior Creative Director และ Jon Armstrong ตำแหน่งนักดีไซน์เกม (รวมถึงเป็นนักแข่งรถแรลลี่ในชีวิตจริง) ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับเกม EA SPORTS WRC
Gowing ร่วมกับ Armstrong เผยว่าทีมงาน Codemasters มีเป้าหมายในการสร้างเกมนี้ให้มีความเที่ยงตรง ได้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขัน WRC ในชีวิตจริง รวมถึงอยากให้ผู้เล่นได้รู้สึกว่ากำลังเป็นนักแข่งรถแรลลี่ ได้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งในรถแข่ง เสพบรรยากาศการแข่งขันที่สมจริง และการนำเสนอที่มีคุณภาพสมกับเป็นเกม Official License
เนื่องจาก Codemasters ได้ครอบครองลิขสิทธิ์ WRC อย่างเป็นทางการ ทำให้ทีมงานสามารถนำสนามแข่ง, ลูกทีม, รถยนต์ และทีมต่าง ๆ ที่เข้าแข่งขัน WRC จริง ๆ มาปรากฏตัวในเกม พร้อมกับมอบรูปแบบการขับรถที่ดีที่สุดเช่นกัน
EA SPORTS WRC มีสนามแข่งทั้งหมด 18 สนามที่อ้างอิงจากสถานที่จริง โดย 17 สนามจะเปิดให้เล่นตั้งแต่วันแรก ส่วนอีก 1 สนามแข่งซึ่งเป็น “Central Europe Rally” จะอัปเดตเข้าเกมแบบฟรีในภายหลัง ซึ่งแต่ละสนามแข่งจะมีระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร และสนามแข่งส่วนใหญ่ เป็นสนามที่ใช้ในการแข่งขันรายการ WRC ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ด้วยข้อมูลจากดาวเทียม ภาพถ่าย และวิดีโอ ทำให้ทีมงานสามารถออกแบบสนามแข่งได้อย่างสมจริง กับมีรายละเอียดสูง
ส่วนรถยนต์ในเกมจะมีให้ขับ 10 คันจาก WRC, WRC 2 และ Junior WRC รวมถึงรถอีก 68 คัน ซึ่งเป็นรถแข่งแรลลี่ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี 1960 กับรถที่ใช้ในการแข่ง Group A และ B โดยทีมงานอธิบายว่ารถทั้งหมดได้อ้างอิงจากหนังสือประวัติศาสตร์ รถทุกคันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งรูปลักษณ์กับการขับ รวมถึงโมเดลความเสียหายของรถแต่ยุคจะไม่เหมือนกันอีกด้วย ซึ่งแม้โมเดลความเสียหายของรถ จะมีข้อจำกัดว่าสามารถแสดงความเสียหายของรถบางคันได้มากน้อยแค่ไหน แต่ทีมงานก็ได้ทำงานร่วมกับผู้ผลิตรถหลายรายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าโมเดลรถในเกม EA SPORTS WRC จะเป็นไปตามข้อตกลงที่บริษัทรถกำหนดไว้
นอกจากนี้ ทีมงานได้มีการออกแบบระบบ Dynamic Handling System (การเลี้ยวรถแบบไดนามิก) ที่รถขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง สี่ล้อ ไปจนถึงรถ Group B/A กับ Rally1/2 จะมีรูปแบบการขับ การตอบสนองแตกต่างกันอย่างค่อนข้างเห็นชัด ด้วยข้อเสนอแนะจากนักแข่งรถแรลลี่หลายราย ทีมงานจึงสามารถออกแบบ Handling ได้อย่างสมจริง พร้อมมอบประสบการณ์การขับรถแรลลี่ที่ทันสมัยที่สุด
ถ้าหากเล่นเกมแข่งรถไม่เก่ง หรือต้องการเปิด-ปิดตัวช่วย ก็สามารถทำได้ด้วยการเข้าเมนู Accessibility ซึ่งจะมีตัวเลือกมากมายให้ปรับแต่ง เช่น ความแรงในการเหยียบคันเร่ง, เปิด-ปิด Stability Control, เปิด-ปิด TBS, ความเร็วของรถที่เหมาะสมในการเข้าเลี้ยว รวมถึงมีตัวเลือกสำหรับผู้เล่นที่พิการตาบอดสีอีกด้วย
ในไลฟ์มีการโชว์ระบบใหม่ที่เรียกว่า Boost ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำหรับรถแข่งคลาส Rally1 (รถไฮบริด) โดยรถดังกล่าวจะสามารถเลือกตั้งค่า “throttle position” ได้ระหว่าง “Aggressive”, “Balanced” และ “Cautious” ซึ่งผู้เล่นต้องเลือกการตั้งค่าอย่างเหมาะสมโดยปัจจัยขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และเส้นทางของสนามแข่ง
และแน่นอน การแข่งขันแต่ละครั้งจะมีสภาพอากาศ และสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน ถ้าหากแข่งขันในฤดูใบไม้ผลิ ป่าไม้รอบสนามจะมีสีสันสวยงามเป็นธรรมชาติ แต่หากแข่งขันในฤดูหนาว รอบสนามแข่งจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ มีวิสัยทัศน์ย่ำแย่ และถนนจะลื่นกว่าปกติ ทำให้ผู้เล่นต้องระมัดระวังในการขับรถในฤดูหนาวเป็นพิเศษ
สุดท้าย ตัวเกม EA SPORTS WRC พัฒนาด้วย Unreal Engine โดยทีมงานอธิบายว่าแม้ Ego Engine เป็นเอนจินที่ใช้ในการสร้างเกม Codemasters มาหลายไตเติล แต่ถึงเวลาแล้วที่ทีมงานต้องผลักดันประสิทธิของเกมไปให้ถึงจุดสูงสุด ซึ่ง Unreal Engine เปิดโอกาสให้ทีมงานสามารถทำแบบนั้นได้ และทีมงานยอมรับว่าการทำเกมใหม่ การนำระบบขับรถจาก DiRT Rally มาลง Unreal นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และเป็นสิ่งที่ทีมงานใช้เวลาในการพัฒนานานที่สุด
EA SPORTS WRC ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 พฤศจิกายนในระบบ PC, PlayStation 5 และ Xbox Series X/S จนถึงตอนนั้น ถ้าหากมีข่าวสารเกมที่น่าสนใจ ทางทีมงาน GamingDose จะรายงานกันต่อไป