เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Embracer Group เมื่อล่าสุดมีประกาศออกมาแล้วอย่างเป็นทางการ ว่าบริษัทนี้จะถูกแยกตัวออกเป็น 3 บริษัทย่อย ประกอบไปด้วย
- Asmodee Group
- Coffee Stain & Friends
- Middle-earth Enterprises & Friends
โดยคุณ Lars Wingefors, CEO และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เปิดเผยถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในครั้งนี้ ว่านี่คือการเริ่มต้นบทใหม่ ที่จะทำให้แต่ละภาคส่วนนั้นทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยมีทิศทางในแบบของตนเอง ทั้งหมดก็เพื่อส่งมอบประสบการณ์อันน่าจดจำไปสู่เหล่าเกมเมอร์และแฟน ๆ ทั่วทุกมุมโลก
สำหรับ Asmodee Group จะเป็นผู้จัดจำหน่ายบอร์ดเกมต่าง ๆ กว่า 300 IP เช่น Ticket to Ride, 7 Wonders, Azul, CATAN, Dobble และ Exploding Kittens รวมถึงกำลังถือลิขสิทธิ์ในการสร้างบอร์ดเกมจากแฟรนไชส์ดัง ๆ อย่าง The Lord of the Rings, Marvel, Game of Thrones, Netflix, Lego และ Star Wars อยู่ด้วยในตอนนี้
ส่วน Coffee Stain & Friends นั้นเป็นการรวมตัวกันของ Coffee Stain, Ghost Ship, Tarsier, Tuxedo Labs, THQ Nordic และ Amplifier Game Invest ซึ่งผลงานดัง ๆ ที่มีอยู่ในมือ คือ Deep Rock Galactic, Goat Simulator, Satisfactory, Wreckfest, Teardown, Valheim (เป็นเจ้าของบางส่วน) และ IP อื่น ๆ อีกกว่า 200 รายการ
ปิดท้ายด้วย Middle-earth Enterprises & Friends ซึ่งชื่อก็บ่งบอกชัดเจนว่าจะดูแลเกมที่เกี่ยวข้องกับแฟรนไชส์ The Lord of the Rings นอกจากนี้ก็ยังรวมถึงสตูดิโอเบอร์ใหญ่รายอื่น ๆ ด้วย เช่น Crystal Dynamics, Dambuster Studios, Eidos-Montréal, Flying Wild Hog Studios, Tripwire, Vertigo Games, Warhorse Studios และ 4A Games โดยผลงานเกมดัง ๆ ที่มีอยู่ในมือ ได้แก่ Dead Island, Killing Floor, Kingdom Come Deliverance, The Lord of the Rings, Metro และ Tomb Raider
ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา Embracer Group เข้าซื้อสตูดิโอมากมาย ก่อนจะตามมาด้วยข่าวอันไม่สู้ดี เช่นการสั่งปิดสตูดิโอ Volition (ผู้สร้าง Saints Row), การขาย Gearbox Entertainment ให้กับ Take-Two รวมถึงการปลดพนักงานออกไปอีกกว่าหลายร้อยคน ซึ่งก็ต้องรอดูกันว่าหลังจากนี้ ทั้ง 3 บริษัทจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหรือไม่ในอนาคต