BY Settasilp Poonbumphen
11 Sep 16 9:47 pm

Homefront: The Revolution กับภารกิจกู้ชาติเมกันชนรอบที่สี่แสนแปด

122 Views

อเมริกา อเมริกัน เกาหลีเหนือ มอเตอร์ไซค์และการกู้ชาติ ในแบบฉบับที่คุณเล่นได้ (อีกแล้ว)

homefront-the-revolution

Homefront: The Revolution ภาคต่อของโครงการปลุกผีที่ริมทางจากบ้าน THQ ที่งานนี้ได้ Crytek UK เป็นคนกลับมาปั้นแต่ง  ถึงแม้ว่าตัวเกมจะออกวางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศภาคมที่ผ่านมา และนี่มันก็กันยายนเข้าไปแล้ว แต่ผมก็ยังอยากที่จะหยิบมันขึ้นมาเขียนซ้ำด้วยความเต็มใจในฐานะคนที่อินเข้าไส้กับเกมแนวปลุกระดมและกู้ชาติอะไรแบบนี้

homefront-the-revolution

เนื้อเรื่อง ไม่สปอยล์

และนี่ก็คือการกู้ชาติของเมกันชนในรอบที่ รอบที่ รอบที่ รอบที่ เอาเป็นว่าไม่ต้องนับหรอก

ต้องเข้าใจก่อนว่า Homefront: The Revolution ไม่ใช่ภาคต่อของเกมชื่อเดียวกันจากค่ายเดียวกัน โดยมันเป็นการหยิบจับประเด็นเดียวกันมาสร้างใหม่ เรื่องราวเริ่มขึ้นโดยการบิดเบือนประวัติศาสตร์จริงในยุคการปฏิวัติดิจิทัลเมื่อปี 1970 ไม่ได้เกิดขึ้นในซิลิคอนวัลเลย์ แต่ดันไปเกิดในแม่น้ำซิลิคอนในประเทศเกาหลีเหนือ   เกาหลีเหนือเกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วและก้าวเข้าสู่การเป็นมหาอำนาจเบ็ดเสร็จด้วยเทคโนโลยีที่ครอบคลุมในทุกวงการตั้งแต่เครื่องใช้ภายในบ้าน ระบบโทรคมนาคมยันอุปกรณ์ทางการทหาร     อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะคุ้น ๆ กันบ้าง  ใช่แล้วครับ มันคล้ายกันกับสิ่งที่ Samsung แบรนด์จากเกาหลีใต้เป็นอยู่ในทุกวันนี้นั่นเอง

homefront-the-revolution

ในขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกาก็ดันง่อยเปลี้ยเสียขากันซะอย่างนั้น  ประเทศเป็นหนี้ติดลบมหาศาลจากสงครามในตะวันออกกลาง   มะกันต้องบากหน้าขอยืมเศรษฐีรายใหญ่ของโลกอย่างเกาหลีเหนือซึ่งนั่นเองทำให้เป็นข้ออ้างในการบุกรุกพรหมแดนของสหรัฐอเมริกาด้วยการบ่อนทำลายภายในผ่านเครื่องอุปกรณ์ใช้งานต่างๆ ที่ทางเกาหลีเหนือมีอยู่ทั่วผืนแผ่นดิน

แน่นอนครับ เกาหลีเหนือไม่ได้ยกพลขึ้นบกเอาทหารไปทิ้งเล่น หรือทำเก๋ไก๋เอาเครื่องบินมาโปรยพลร่มแบบในภาพยนตร์ Red Dawn อีกแล้ว  เขามาในคราบของการช่วยเหลือทางด้านมนุษยชน  เข้ามาแจกจ่ายทรัพยากรก่อนที่จะอ้างความเป็นธรรมว่า ฮันฮยองฮาเซโยยยย ลุงแซมมันติดเงินเราเยอะนะโว้ย ประเทศก็เป็นหนี้ ระบบต่างๆ ใช้การไม่ได้ กลายเป็นรัฐล้มเหลว หมดสถานภาพในการชำระหนี้ เราต้องขอยึดพื้นที่เพื่อขุดเอาทรัพยากรธรรมชาติเป็นการใช้หนี้นะ เอ้อ แล้วก็ผู้คนมันต่อต้านด้วยนะ ขอจัดการประชากรในประเทศมันด้วยวิธีของเราก็แล้วกัน   และจุดเริ่มต้นของกระบวนการกู้ชาติ(อีกครั้ง) ก็เริ่มต้นขึ้น

homefront-the-revolution

Gameplay ที่คุณคุ้นเคย

เออ ก็คุ้นสิ เหมือนเปิด Far Cry 3 เล่นเด๊ะเลย

ที่เขียนไปด้านบนนี่รับรองได้ว่าไม่ได้โอเวอร์แอ๊คติ้งอะไรเลยแม้แต่น้อย เหมือนมาก จากที่ภาคก่อนหน้า Homefront ยังคงเป็นเกมเดินหน้ายิงธรรมดา ในภาคนี้ดันอุดมไปด้วยฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย เช่น การขี่ยานพาหนะมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ท่าแอ็คชั่นตอนปฐมพยาบาลตัวเอง รูปแบบการยึดพื้นที่ ระบบการค้นหาทรัพยากร ตัวช่วยในการเรียกทหารร่วมรบ และอื่นๆ ที่เราคุ้นเคยกันดีในเกมของ Ubisoft

หากจะบอกว่า Homefront ภาคแรกนั้นเปรียบได้กับหนุ่มจืดที่มีข้อบกพร่องไปบ้าง Homefront: The Revolution ได้กลับมาเป็นหนุ่มแฟชั่นที่ทันสมัยขึ้นได้ด้วยการเปิดหนังสือแฟชั่นและแต่งตัวเลียนแบบตามก็คงจะใช่

สิ่งที่เปลี่ยนไปจากภาคก่อนคือผู้เล่นสามารถท่องไปในโลกของ Homefront อันมีฉากหลังเป็นฟิลาเดลเฟียซึ่งถูกควบคุมโดยกองทัพเกาหลีเหนือ ตัดสลับกับประชาชนชาวอเมริกาที่อดอยากปากแห้ง บ้างก็โหยหาเสรีภาพและบ้างก็ด่าทอว่าพวกยูจะปฏิวัติกันทำห่าอะไร ตรูไม่มีจะแ-กแล้วโว้ย นอกจากนี้ยังมีภาพของการขบถต่ออำนาจในแบบจิ๋วที่มักจะตามมาเมื่อเราปลดพื้นที่ให้เป็นอิสระไประดับหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย

homefront-the-revolution

ผู้เล่นจะต้องทำการปลุกปั่นและสร้างสถานการณ์เพื่อก้าวสู่การเป็นสัญลักษณ์ของอิสระ ยิ่งเกิดเหตุไม่สงบมากเท่าไหร่ ชาวอเมริกันชนในพื้นที่ยิ่งรู้สึกเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนที่ทางฝ่ายปฏิวัติคาดหวังจะให้เป็นผู้นำคนใหม่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่างานลูกหาบอย่างแอบตัดสายไฟและเปิดวิทยุเสียงตามสายจะหายไปจากชีวิตคุณ

ผู้เล่นจะทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายในการปลดล็อคพื้นที่ดังกล่าว เรียกว่าเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ฝ่ายปฏิวัติและประชาชนในพื้นที่ก็ว่าได้  ถึงแม้ทีมพัฒนาจะเคยบอกว่าตัวเกมรองรับการลอบเร้น แต่ขอบอกเลยว่านั่นจะทำให้คุณเสียเวลาชีวิตไปอีกหลายขั้นบันได  สิ่งที่ดีที่สุดคือการเรียกพวกสัก 4 คน พกอาวุธครบมือและกล่องเลือดเต็มสูบรวมถึงชุดเกราะที่อัพเกรดเต็มตัวละออกไปกระซวกไส้เจ๊กกินหมาให้ตายคาฐานทัพนั่นเอง

homefront-the-revolution

อเมริกาในแบบฉบับที่สมควรเป็นผู้พ่ายแพ้

ใครที่เกลียดอเมริกาเข้าไส้ คุณควรเล่นเพื่อรับชม intro ฉบับเต็ม

โอ้โห บอกเลยว่าดู intro เกมนี้จบแล้วรู้สึกได้ว่าอเมริกาในเกมนี้ควรจะโดนซึนามิสูงหกร้อยเมตรโหมซัดจากรอบด้านพร้อมกับผืนแผ่นดินแยกแล้วสูบคนลงไปให้กลายเป็นนครใต้น้ำไปซะอย่างนั้น  ประเทศเข้าไปจัดการความขัดแย้งในตะวันออกกลางจนเป็นหนี้ชิบหายวายป่วง ทำไมพี่ไม่ถอยทัพครับ แล้วทำไมพี่สั่งอาวุธจากประเทศเดียวกันทั้งกระบะ เป็นมหามิตรกันมาแต่ปางใดงั้นเหรอ  แล้วนี่อีกเครื่องบินพี่ร่วงเป็นแมงเม่าพี่ก็ยังไปรับข้าวสารอาหารแห้งจากประเทศเดิมอีกเหรอ  โอ้โหหหหหห พี่สมองปุยนุ่นขนาดนี้เราจะกู้ชาติกลับมาทำไมกัน

แต่เอาเหอะ บทมันปูมาแบบนั้น

ถึงแม้ว่าบทต้นเรื่องจะดูแสนรันทดและหดหู่ ก็ยังไม่เท่าในตอนเล่นจริงครับ  ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นกองกำลังกู้ชาติฉบับ D.I.Y. Do It Yourself เรียกได้ว่าจะมีภารกิจอะไรบ้างเราก็ต้องบุกไปทำกันเอง  แล้วมันก็ไม่ใช่ภารกิจแทรกซึมจารกรรมสายลับสมองเพชรอะไรแบบนั้นด้วย  มันคือภารกิจที่คุณต้องบุกไปยึดพื้นที่ บุกไปทำลายฐานทัพศัตรู บุกไปยึดหอคอยวิทยุ บุกไปตัดสายไฟ บุกไปช่วยขอทาน บุกไปเอานู่นเอานี่ เอาอะไรกับฉันอีกกกกกกกกกกกกกกกกกก โอยยยยยยยยยยยยยยย  เพื่อน A.I. ที่ถึงแม้จะเกณฑ์ไปได้แต่ก็ไม่อยากให้พูดถึง  เหมือนเป็นเพียงตัวประกอบฉากที่คอยบังกระสุนแทนเท่านั้น   ผมลองยืนมองมันยิงสู้กัน น่าจะยิงกันหลายสิบแม็กกว่าจะตายไปสักตัว เรียกได้ว่าหาพึ่งพาได้ไม่

homefront-the-revolution

นอกจากนี้ทีมพัฒนายังได้ใส่บทดราม่ากลวงโบ๋ที่เคยถูกฉายซ้ำผ่านสื่อมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นเรื่องของศีลธรรมอย่างแน่นอน  ภายในเกมคุณจะได้รับฟังการโต้เถียงกันระหว่างคุณหมอผิวสีที่คอยเตือนใจว่าเฮ้ย การปฏิวัติมันคุ้มค่าเหรอหากต้องสูญเสียชีวิตของคนจำนวนมาก  ส่วนฝั่ง Jack Parish (ที่น่าจะดึงหน้าตาและเสียงพากษ์มาจาก Tom Verica นักแสดงซีรี่ย์เรื่อง How To Get Away with Murder) หัวหน้านักปฏิวัติก็ต้องสบถกลับเป็นภาษาทิพย์ว่าเฮ้ย การเปลี่ยนแปลงมันก็ต้องมีการเสียสละกันบ้าง (โว้ย)

สรุป

เกมแอ็คชั่นในราคาสบายกระเป๋า

ก่นด่ากันมาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกว่าหากคุณเป็นคนที่ไม่คิดอะไร ไม่ใช่คนที่จะต้องเล่นเกมเกรด AAA และกำลังมองหาเกมแอ็คชั่นเดินหน้ายิงพร้อมปูมหลังแบบกองกำลังปลดแอกแล้วก็ล่ะก็ Homefront: The Revolution เองก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่แสนจะคุ้มค่าในราคา 729 บาท

ข้อดี

  • ภาพสวยด้วย CryEngine
  • ธีมประเด็นปลดแอกมาตุภูมิเท่ๆ คูลๆ
  • รูปแบบเกมการเล่นที่เพลินพอตัว

ข้อเสีย

  • เนื้อเรื่อง cliche มากๆ
  • กินสเปคเรื่อง
  • ขาดความคิดสร้างสรรค์เป็นของตัวเองสุดๆ

Settasilp Poonbumphen

ยีน - Founder / Project Manager

Back to top