Neil Young นักดนตรีชื่อดัง ได้ร่วมมือกับ Phil Baker ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ในการผลักดันวงการเพลงและเทคโนโลยีไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเพลงคุณภาพสูงในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่ายมาร่วมทศวรรษ และผลักดันอุปกรณ์ในการฟังเพลงของตนอย่าง Pono ที่เขากล่าวว่าเครื่องเล่น MP3 อื่น ๆ อย่าง iPod และโปรแกรมเล่นเพลงอย่าง iTune เป็นเหมือนเชื้อโรคที่เกาะกินวงการเพลง เพราะให้คุณภาพของเสียงที่แย่มาก
แต่เวลาผ่านไป 5 ปีหลังจากที่ Pono วางจำหน่าย Young ก็ยังเชื่อว่าวงการเทคโนโลยีนั้นไม่ได้ก้าวหน้ามากพอเพื่อหยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้กับผู้บริโภค ในการมองหาเพลงที่มีคุณภาพสูงมาฟัง ซึ่งเขาได้เผยเรื่องนี้ในหนังสือเล่มใหม่ของเขา To Feel the Music: A Songwriter’s Mission To Save High-Quality Audio ที่เขาได้แจงรายละเอียดเอาไว้ว่ามีเหตุผลร่วมร้อยแปดที่ Pono ของเขานั้นสามารถนำเสนอคุณภาพเสียงในแบบ Cd-Quality ที่แท้จริง
หรือถ้าจะขยี้ให้หนักไปกว่านั้น สิ่งที่เขาพูดในการสัมภาษณ์ผ่านทาง The Vergecast ของทาง The Verge กับคุณ Nilay Patel Editor in Chief ซึ่งเขาได้บอกว่า แม้ทุกวันนี้ศิลปินระดับรางวัล Grammy จะสามารถไปทำเพลงที่ไหนก็ได้ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นผ่านทางอุปกรณ์พกพาเช่นมือถือหรือเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา ทว่าคุณภาพเสียงที่ควรจะมีนั้นกลับขาดหายไปอย่างน่าใจหาย
ด้านล่างนี้คือบทสัมภาษณ์ที่ถอดเทปมาจากรายการบางส่วนครับ
“ศิลปินหลายคนในตอนนี้เขียนเพลงในระหว่างทัวร์ที่ห้องพักในโรงแรมบน MacBook พวกเขาไม่ได้ใช้สตูดิโอใหญ่ ๆ ในการทำเพลง ไม่ได้ใช้เทป พวกเขาทำผ่านระบบดิจิทัล แล้วมันจะเทียบกันได้ไหม? แล้วมันเทียบได้กับการที่วัยรุ่นแต่งเพลงเองในห้องนอนของตัวเองในตอนนี้รึเปล่าล่ะ?”
แล้วมันมีปัญหาอะไรที่วัยรุ่นแต่งเพลงในห้องนอนของตัวเองล่ะครับ?
“ก็ พวกเขาทำงานบน MacBook อัดเพลงออกมาเป็นไฟล์ MP3 เลย”
ครับ ผมรู้ และถ้าพวกเขาทำการอัดเพลงแบบนั้น มันก็คงเป็นปัญหาแน่นอน
“ใช่ แต่ผมจะพูดแบบนี้นะ ตอนนี้ผมกำลังมองไปที่ MacBook Pro ขนาด 16 นิ้วรุ่นใหม่ที่ Apple ส่งตัวรีวิวมาให้ผม แล้วพวกเขาก็บอกว่า ‘คุณลองดูเหล่าศิลปินที่ใช้เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้แต่งเพลงให้กับ Garage Band ดูสิ”
“มันกากสุด ๆ ไปเลยโว้ย! นี่ล้อกันเล่นรึไง? คุณภาพก็ห่วยเมื่อเทียบกับราคา เหมือนกับ Captain Kangaroo วิศวกรคนใหม่ กับ MacBook Pro แบบนี้เนี่ยนะ พูดเรื่องอะไร? คุณใช้ไอนี่ทำอะไรไม่ได้เลย แถมตัว DAC ของ MacBook Pro มันไม่ดีเอาซะเลย ต้องไปหา DAC จากภายนอกมาใช้แทน และที่ MacBook Pro มีปัญหาแบบนี้เพราะพวกเขาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การพัฒนาคุณภาพ แต่เล็งไปที่การดึงดูดลูกค้าเพื่อขายของต่างหาก”
Neil Young ยังบอกอีกว่า แม้เขาจะไม่เคยชนะรางวัล Grammy แต่เขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่มีคุณภาพนั้นเป็นอย่างไร พร้อมกับย้ำว่าเรื่องไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของคุณภาพที่ผู้บริโภคจะได้รับต่างหาก พร้อมกับย้ำว่า แม้เทคโนโลยีนั้นจะช่วยให้เรามีพื้นที่และประหยัดหน่วยความจำได้มากขึ้น แต่การลดทอนคุณภาพลงนั้นทำให้หลายอย่างด้อยค่าลง และร้านค้าเลือกที่จะขายของไร้คุณภาพแบบนี้ต่อไป จนหลายคนละเลยความสำคัญในเรื่องนี้ไปอย่างน่าเศร้านั่นเอง