วิดีโอเกม อาจจะเป็นสื่อความบันเทิงที่ให้เราได้เพลิดเพลิน ผ่อนคลาย หรือสนุกไปกับเรื่องราวที่เราเกินที่จะจินตนาการ แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ทางผู้พัฒนาเกม ได้ใช้วิดีโอเกมเป็นตัวเลือกในการนำเสนอเรื่องราวที่ลึกซึ้ง กินใจ หรือส่งผลกระทบต่ออารมณ์ผู้เล่นเป็นอย่างมาก OMORI คือหนึ่งในเกมที่ออกมาตั้งแต่ปลายปี 2020 และมันถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในฐานะเกมที่ภาพสวย น่ารัก สดใส แต่เต็มไปด้วยความสยองขวัญเชิงจิตวิทยา เนื้อหาที่กินใจ และลึกซึ้งเกินกว่าที่ใครหลายคนคิด วันนี้เราจะพาทุกท่านมาเข้าสู่โลกสีขาว-ดำ ของชายชื่อ OMORI
เกมที่ใช้เวลานานกว่า 6 ปีในการพัฒนา
OMORI เป็นเกมที่ใช้เวลาในการพัฒนายาวนานกว่า 6 ปีครึ่งเลยทีเดียว ผู้พัฒนานั้น ใช้นามแฝงที่ไม่แสดงตัวในชื่อ Omocat โดยในช่วงแรก เกมนี้วางแผนที่จะเป็น Graphic Novel หรือนิยายภาพ แต่ก็เปลี่ยนมาทำเป็นวิดีโอเกมแทน เพื่อให้ผู้เล่น และผู้ชมสามารถเลือกตัวเลือกต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง และใช้ RPG Maker ในการพัฒนา เพราะมันทำให้ตัวเกมสามารถเข้าถึงได้ง่าย
เกมนี้เริ่มต้นการพัฒนาด้วยการใช้วิธีการระดมทุน (Kickstarter) โดยเปิดระดมทุนตั้งแต่ปี 2014 แถมยังระดมเงินทุนได้สำเร็จภายใน 1 วันด้วย ตัวเกมมีกำหนดเปิดตัวและวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2015 โดยจะลงให้กับเครื่อง 3DS แต่ท้ายที่สุดก็ทำไม่ได้ เพราะตอนนั้น Nintendo กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคเครื่อง Nintendo Switch แทน ในตอนนั้นทำให้ทาง Omocat ผู้พัฒนา ต้องจ้างสมาชิกพัฒนาเกมเพิ่ม และยังมีการปรับเปลี่ยนเวอร์ชั่นของ RPG Maker ระหว่างพัฒนาอีกด้วย จนเงินที่ได้มาจากการระดมทุนแทบจะหมดสิ้น พวกเขาจึงขายสินค้า เพื่อนำเงินมาพัฒนาเกมต่อ และกว่าเกมจะออกก็ลากยาวมาจนถึงปลายปี 2020 เลยทีเดียว
**คำเตือน : ต่อจากนี้จะมีการเปิดเผยเนื้อหาของตัวเกม**
OMORI เป็นเกมที่ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่อ OMORI (ชื่อเดียวกันกับชื่อเกม) เขาตื่นขึ้นมาในพื้นที่สีขาวปริศนา ก่อนจะออกไปพบเจอเพื่อน ๆ และโลกที่มีสีสันสดใส เกมนี้จะว่าด้วยเรื่องราวของตัวเอกอย่าง OMORI กับกลุ่มเพื่อนของพวกเขา ประกอบไปด้วยเคล, มาริ, ออเบรย์ และฮีโร่ โดยที่แต่ละคนก็จะมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันออกไป โดยผู้เล่นจะต้องคอยอ่านเนื้อเรื่อง จับใจความเองว่าแต่ละตัวละครมีความสัมพันธ์และที่มาที่ไปอย่างไรกับตัวละครที่เหลือ
สิ่งที่เกมนี้นำเสนอ คือการนำเสนอตัวละครเอกที่มีสีหน้าเรียบเฉยและเป็นสีขาวดำ ในขณะที่โลกภายนอกและเพื่อน ๆ ของโอโมรินั้น มีสีสันสดใส และเกมจะค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแก๊งตัวละคร และผู้เล่น ด้วยการให้เราออกไปผจญภัย ต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่เกมใส่เข้ามา เป็นระบบเกมเพลย์การเล่นแบบเกม RPG จนเราเริ่มผูกพันและรู้จักตัวละครมากขึ้น เนื้อเรื่องของเกมจะดำเนินต่อไป และจะเฉลยในภายหลังว่าแท้จริงแล้ว โลกที่เต็มไปด้วยสีสันสดใสนั้น คือ “ความฝัน” ของ ซันนี่ หรือชื่อจริงของตัวละครเอกอย่างโอโมริ และมาริ ที่เป็นพี่สาว ๆ แท้ของเราก็ตายไปนานแล้วด้วย
ซันนี่ (หรือโอโมริ) กำลังจะย้ายบ้านในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แถมเขายังกลายเป็นโรคชอบเก็บตัว (ฮิคิโคโมริ) แถมในโลกแห่งความจริง กลุ่มเพื่อนก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน แถมเรายังคอยเห็นภาพหลอนอยู่อย่างต่อเนื่อง เกมเฉลยอีกว่า ซันนี่นั้น ชอบเล่นไวโอลินมาก ทุกคนในกลุ่มจึงรวมตัวกันซื้อไวโอลินให้กับซันนี่ และให้ซันนี่ซ้อมเพื่อไปงานแสดง แต่เพราะมารินั้น รักในความสมบูรณืแบบ ทำให้ซันนี่รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก และทะเลาะกับมาริพี่สาวอยู่เป็นประจำ จนในที่สุดซันนี่ก็พลั้งมือผลักมาริตกบันไดจนเสียชีวิต
เบซิลที่มาเที่ยวบ้านซันนี่พอดี เผลอถ่ายรูปเหตุการณ์นั้นไว้ ทั้งสองช่วยกันปกปิดความผิดด้วยการเอาศพของมาริไปแขวนไว้กับต้นไม้หลังบ้าน ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่า มาริตายเพราะฆ่าตัวตาย แถมซันนี่ และเบซิลยังรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำ จนเกิดเห็นเป็นภาพหลอนบ่อย ๆ อีกด้วย เกมนี้มีฉากจบหลายแบบ ทั้งแบบที่ดาร์คสุด ๆ และแบบ True Ending ที่เป็นฉากจบที่ดีที่สุดเท่าที่เกมจะดีได้แล้ว ขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้เล่น
**นี่คือการสรุปเนื้อเรื่องแบบรวบรัด ยังมีรายละเอียดอีกมากที่ผู้เขียนแนะนำว่าควรลองเล่นเกมนี้ด้วยตัวเอง แต่ต้องเตือนกันตัวหนา ๆ ว่าเกมนี้ไม่เหมาะกับคนที่ภาวะซึมเศร้าสักเท่าไรนัก**
มิตรภาพที่เราอยากให้คงอยู่ตลอดไป
ไม่มีใครอยากสูญเสียอะไรทั้งสิ้นในชีวิต โดยเฉพาะสิ่งล้ำค่าจริง ๆ อย่าง “มิตรภาพ” เกม OMORI นำเสนอประเด็นของเพื่อนและมิตรภาพออกมาได้ดีมาก แต่การจะรักษามิตรภาพนี้ไว้ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้เล่น หากอ่านจากสรุปเนื้อเรื่องด้านบน OMORI เป็นเกมที่นำเสนอผ่านงานศิลป์ งานออกแบบ และการตีความ แต่คาดว่าผู้เล่นทุกคนน่าจะเข้าใจตรงกัน ในส่วนของตอนจบเกมอยู่แล้ว
ประเด็นที่เกมนี้น่าจะนำเสนอ คือเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนและมิตรภาพ รวมไปถึงการแบกรับสภาวะความกดดันของสองพี่น้องมาริและซันนี่ ที่เหมือนกับเป็นการบอกเรากลาย ๆ ว่า การคาดหวังความสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เรื่องที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคนที่เราโยนความหวังลงไปบนบ่าเขา คือเพื่อนสนิท มิตรสหาย หรือคนใกล้ชิดของตัวเราเอง ก็อาจจะเป็นการทำร้ายพวกเขาโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ แต่กลับกัน ในช่วงเวลาที่เลวร้าย มิตรภาพก็อาจเป็นสิ่งเดียว และเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเราเอาไว้ได้ด้วยเช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำให้ OMORI กลายเป็นเกมที่กินใจผู้คน และได้รับการตีความที่หลากหลาย แล้วแต่ตัวบุคคล
ในขณะที่ตัวเอกอย่างโอโมริ หรือซันนี่ ที่เหมือนมีสองบุคลิก โดยบุคลิกหนึ่ง ใช้เพื่อหลีกหนีความเจ็บปวด และความผิดที่ตัวเองได้ก่อขึ้น กับอีกบุคลิกหนึ่งที่จมอยู่กับความผิดบาป ก็เป็นเนื้อหาที่หนักแน่นพอจนไม่น่าเชื่อว่า จะได้เห็นมันในเกมอินดี้ระดับนี้
ทั้งสื่อทั้งเกมเมอร์เทใจให้ และวิจารณ์ในแง่บวก
แม้จะเป็นเกมอินดี้เล็ก ๆ แต่ด้วยการนำเสนอเรื่องราวที่ลึกซึ้งและค่อนข้างมืดหม่น หลังจากวางจำหน่ายแล้ว OMORI ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลาม โดยเวอร์ชั่น PC นั้น ได้คะแนน 87/100 จาก Metacritic โดยสื่อจากหลายสำนักวิจารณ์ว่า แม้เกมจะมีเนื้อหาที่มืดมน แต่มันกลับเป็นที่น่าจดจำ แต่บางคนกลับมองว่าระบบการต่อสู้ของเกมนี้แทบไม่มีความจำเป็น และน่าจะเอาไปปรับปรุงเนื้อเรื่องให้เฉียบคมยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก เนื้อเรื่องนั้นแทบไม่มีข้อตำหนิ เว้นเสียแต่ว่ามันจะดาร์คเกินไปจนไม่เหมาะกับผู้เล่นบางคน
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม OMORI เป็นอีกเกมอินดี้คุณภาพเยี่ยมที่ผู้เล่นหลายคนไม่ควรพลาด แต่ต้องระวังกันเสีหน่อย เพราะเนื้อหาที่หม่น ดาร์คจนเกินไป อาจจะกระทบต่อสภาวะจิตใจของผู้เล่นเอาได้ ตอนนี้ OMORI มีให้เล่นแล้วบน Xbox Game Pass รวมถึงลดราคา 40% อยู่ด้วย บน Steam
