ถึงแม้ว่าเกม Pillars of Eternity II: Deadfire จะเป็นเกม WRPG ที่เจ้าสำนักหลายที่ยกย่องว่าเป็นเกมที่ดีมาก แต่ทว่ากลับกลายเป็นเกมดีที่ไม่ปัง เพราะว่าตอนนี้ Pillars of Eternity II กำลังตกอยู่ในสถานะขาดทุนมหาศาลจนมีข่าวลือว่าอาจจะโดนซื้อบริษัทต่อจาก Microsoft เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตให้ Obsidian Entertainment คงอยู่ต่อไป
อ้างอิงจาก Dsogaming – คุณ Dylan Holmes หนึ่งในเสาหลักผู้ลงทุนให้กับการสร้างเกม Pillars of Eternity II: Deadfire (ด้วยงบประมาณอยู่ 1,000 เหรัญ) กล่าวว่าตัวเกมสามารถขายได้เพียงแค่ 110,000 ชุดเท่านั้นนับจากเดือนกันยายน 2018
เขาได้เผยว่า ทีมงาน Obsidian Entertainment ผู้สร้างเกม Pillars of Eternity ได้ตั้งเป้าทำตัวเลขยอดขายของเกม Pillars of Eternity II: Deadfire ไว้อยู่ที่ 580,000 ชุด ด้วยราคาเกมเต็ม 50 เหรียญ เพื่อให้ตัวเกมได้พ้นสภาวะเกมขาดทุน แต่ปัจจุบันตัวเกมยังสามารถขายได้เพียงแค่ 110,000 ชุด ซึ่งเป็นจำนวนเพียง 1 ต่อ 5 เท่านั้น หรือหมายความว่าตอนนี้เกม Pillars of Eternity II กำลังอยู่ช่วงวิกฤตอย่างหนักเพราะเกมขายไม่ออกนั้นเอง (คุณ Dylan กล่าวว่าตอนนี้ได้ส่วนแบ่งทั้งหมดตอนนี้เพียงแค่ 192.67 เหรียญ ซึ่งเป็นจำนวนเงินน้อยมาก)
…the "breakeven" for investors was about 580,000 sales at $50. This tells us they sold about 110,000.
RPGs of this sort do have long tails, but at this juncture there is no way investors are recouping the investment.
— Dylan Holmes (@Aerothorn) November 7, 2018
และด้วยจำนวนยอดขายเกมที่ต่ำสุด ๆ จนขาดทุนย่อยยับ ก็ได้เริ่มมีข่าวลือจากแหล่งข่าวสารไม่เปิดเผยชื่อโดย Kotaku ได้กล่าวว่าทางบริษัท Microsoft จะกวาดเข้าซื้อทีมงาน Obsidian Entertainment ซึ่งกำลังอยู่ขั้นตอนการเจรจาตกลงและตอนนี้การพูดคุยได้ใกล้จะเสร็จสิ้นโดยดำเนินการถึง 90% แล้ว
ความคิดเห็นสำหรับผู้เขียน สาเหตุที่เกม Pillars of Eternity II ขายไม่ดี อาจจะเป็นเพราะกระแสของเกมเงียบมาก ไม่เหมือนกับเกมภาคแรกที่ขายดีกว่าภาคสองหลายเท่าจนตัวเกมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งก็หวังว่าทีมงาน Obisidian Entertainment จะสามารถกู้วิกฤตแก้ปัญหานี้ได้ เพราะนับว่าเป็นทีมงานหนึ่งที่มีผลงานอันเลืองชื่อหลายเกม ตั้งแต่ Fallout: New Vegas และซีรี่ส์ Pillars of Eternity ครับ