การที่จับเกมแนววันสิ้นโลกกับแนวจำลองสถานการณ์มามิกซ์กันนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และยังทำให้เกิดเกมที่ยอดเยี่ยมมากมาย LIFE IS A GAME LIMITED ของค่าย IM30 เองก็ยังคงยืนหยัดกับเกมแนวนี้ จึงได้เกิดเกมจำลองสถานการณ์วันสิ้นโลกและพร้อมซอมบี้อย่างเกม Last Fortress: Underground ขึ้นมา
เมื่อพูดถึงค่ายเกมอย่าง IM30 ทุกคนอาจจะคุ้นเคยกับเกม Last Empire: War Z และ Last Shelter: Survival มากกว่า จากการออกแบบข้ามเซิร์ฟเวอร์ของเกม Last Empire: War Z ทำให้เมื่อออนไลน์ เกมนี้ได้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายการดาวน์โหลดและรายการรายได้ของเกมแนววันสิ้นโลก มาจนถึงเกมสร้างฐานทัพจาก sand box อย่าง Last Shelter: Surviva ที่ออกแบบให้มีการสะสมประสบการณ์จากการสู้รบ และอยู่ในแรงค์สุดยอดรายการดาวน์โหลดและรายการรายได้ของเกมแนววันสิ้นโลกมาโดยตลอด ในหมวดหมู่เกมจำลองสถานการณ์วันสิ้นโลกและซอมบี้นั้น IM30 ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และเป็นการยากที่จะจินตนาการว่าเกมแนวนี้ยังจะมีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติมอีก แต่ IM30 ก็ได้เฉลยแล้ว นั่นก็คือ Last Fortress: Underground นั้นเอง
นี่ไม่ใช่การมีซอมบี้มาล้อมเมืองแบบเดิมๆ แต่เป็นการสร้างที่หลบภัยใต้ดิน
เมื่อพูดถึงเกมแนวจำลองสถานการณ์วันสิ้นโลกและซอมบี้ คุณจะนึกถึงอะไรเป็นสิ่งแรก?
การอยู่รอด ไวรัส ซอมบี้ คนหนึ่งคนและสุนัขหนึ่งตัวที่หลงทางอยู่ในโลกที่รกร้างว่างเปล่า มนุษย์สร้างรั้วในเมืองต่างๆเพื่อต่อต้านการบุกรุกของซอมบี้…
ใช่แล้ว นี่คือลักษณะของเกมเอาชีวิตรอดในวันสิ้นโลก แต่ Last Fortress: Underground ได้เปลี่ยนแปลงบางอย่าง หยุดนึกถึงการเล่นแบบโจมตีซอมบี้เพื่ออัพเลเวล แต่เกมนี้เป็นการสร้างที่หลบภัยใต้ดิน สำรวจและเสาะหาสมบัติใต้พื้นดินอย่างอิสระเพื่อกำจัดซอมบี้ที่อยู่ด้านบน เมื่อเปรียบเทียบกับเกมแบบเดิมที่สร้างเมืองอยู่บนพื้นดิน สำหรับเกมนี้ขั้นตอนการเล่นต่างๆล้วนอยู่ด้านล่าง ผู้เล่นสามารถมอบหมายหน้าที่ให้ผู้รอดชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นจับหนู,เข้าครัว,ขุดแร่,ขุดหลุม,หาหีบสมบัติเป็นต้น
มุมมองของเกมคล้ายกับ Fallout Shelter เมื่อแสดงภาพภายในที่หลบภัย Last Fortress: Underground ใช้มุมมองแนวกว้างที่หายากในเกมที่คล้ายกัน ผู้เล่นไม่เพียงเห็นแค่ภาพตอนที่ตัวเองทำภารกิจแต่ในขณะเดียวกันก็สามารถสังเกตสถานการณ์ทำงานของตัวละครได้สมจริงยิ่งขึ้น รูปร่างโดยรวมของอาคารก็มีลักษณะเฉพาะเช่นกันและการจัดวางกริดทำให้การจัดวางโดยรวมมีความบาลานซ์มากขึ้น นี่จึงทำให้ความประทับใจครั้งแรกของผู้เล่นต่อ Last Fortress: Underground นั้นคือไม่เหมือนกับเกมจำลองสถานการณ์ตรงๆ แต่เป็นเกมจำลองสถานการณ์ที่มีฉากหลังเป็นวันสิ้นโลก แต่สาระสำคัญของมันคือรูปแบบการเล่นเกมแนวจำลองสถานการณ์อย่างไม่ต้องสงสัย
ใส่ใจในทุกรายละเอียด สร้างเกมจำลองสถานการณ์ที่ยอดเยี่ยม
หากคุณเคยเล่น Last Shelter: Survival จะต้องคุ้นเคยกับ sand box อย่างแน่นอน โดยหน้าที่ของผู้เล่นคือการสร้างเมือง
ในขั้นตอนนี้ ผู้เล่นจำเป็นต้องอัปเกรดสิ่งปลูกสร้างต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงน้ำ ไฟฟ้า เมล็ดพืช น้ำมัน และคะแนนทรัพยากรอื่นๆ หากคุณต้องการกระจายทรัพยากรในเมือง เส้นทางการขนส่งจึงสำคัญมาก ดังนั้นผังเมืองจึงสะท้อนถึงกลยุทธ์ของผู้เล่น
Last Fortress: Underground ยังคงแนวคิดการออกแบบนี้ต่อไป เลย์เอาต์การสร้างของเกมใช้การกระจายแบบลำดับชั้นแบบตัดขวาง และทางเดินระหว่างระดับต่างๆแบบขั้นบันได เมื่อขยายที่หลบภัยออกไป ระดับจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น และเมื่อบันไดมีจำนวนจำกัด วิธีจัดการห้องในอาคารโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพของเวลาขนส่งทรัพยากรจะสะท้อนถึงกลยุทธ์การจัดวางของผู้เล่น
Last Fortress: Underground แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดของเกม อันที่จริงการออกแบบรายละเอียดบางอย่างไม่ส่งผลต่อการเล่นเกม แต่จะทำให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์วันสิ้นโลกที่สมจริงยิ่งขึ้น จุดทรัพยากรแต่ละจุดมีแอนิเมชั่นการทำงานที่ไม่ซ้ำกัน และคนงานแต่ละคนจะมีสัญลักษณ์พิเศษ เพื่อแสดงถึงความอลังการของที่หลบภัย ใน Last Fortress: Underground ผู้รอดชีวิตที่ทำงานในที่หลบภัยไม่ใช่เครื่องจักร แต่เป็นคนธรรมดา ชอบบ่นเวลาทำงาน ไปร้านอาหาร บาร์เพื่อพักผ่อนในเวลาว่าง หรือขยับร่างกายไปตามจังหวะดนตรีในที่ทำงาน… คุณจะรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เครื่องจักรกลุ่มหนึ่ง แต่จะเชื่อว่านี่คือโลกหลังวันสิ้นโลกที่แท้จริง
ไม่ใช่แค่มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในที่หลบภัยใต้ดินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าถิ่นเดิมหรือหนูอีกด้วย เพื่อแสดงนิสัยและลักษณะของพวกหนู รวมถึงลักษณะท่าท่างของหนูที่วิ่งอยู่รอบๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อถูกจับโดยกับดักหนู มันจะจับหัวและตัวสั่น พยายามหลบหนีในกับดัก และเครื่องกำเนิดก็ผลิตหนูออกมาวิ่งตลอดเวลา
นอกจากนี้เกมยังยืนหยัดที่จะใช้ความสวยงามของภาพดินแดนที่ถูกทิ้งร้าง ทุกห้องในฐานใต้ดินได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันทั้งในรูปแบบของดินแดนหลังวันสิ้นโลกและใกล้เคียงกับชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง การออกแบบฮีโร่มีลักษณะเฉพาะของตัวเองและใกล้เคียงกับความเป็นจริง และตั้งใจที่จะให้เครื่องประดับทุกชิ้นมีฟังก์ชันที่เหมาะสมและสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตจริง และยังมีร่องรอยของการสึกหรออีกด้วย
รายละเอียดเหล่านี้ไม่มีผลกับการเล่นเกมหลักของเกม แต่ทำให้ทั้งโลกของเกมเป็นจริงและมีผลกอย่างมากต่อประสบการณ์การเล่นเกมของผู้เล่น และเป็นเพราะการใส่ใจรายละเอียดเหล่านี้ จึงทำให้เกิดโลกหลังวันสิ้นโลกที่สมจริงนี้ขึ้นมา
Last Fortress: Underground สะท้อนให้เห็นถึงการยืนหยัดของ IM30 ในธีมวันสิ้นโลกและซอมบี้ และยังเป็นความก้าวหน้าและนวัตกรรมในการเล่นเกมของธีมนี้อีกด้วย เชื่อว่าเกมที่ถูกสร้างอย่างพิถีพิถันนี้จะเป็นที่รักของผู้เล่นมากขึ้น