Thomas Puha พนักงานของ Remedy Entertainment พูดเปิดใจกับเจ้าสำนัก Stevivor เผยยอมรับว่าทีมงาน Remedy เปรียบเสมือนเป็นมวยรอง (Underdog) หากเทียบกับทีมพัฒนาเกม Kojima Productions, FromSoftware หรือ Capcom โดยเขากล่าวว่า..
“ผมว่าเป็นเรื่องปกติที่เกมเราจะถูกกลบกระแสจากเกมใหญ่หลายเกมอย่าง Death Stranding, Resident Evil 2 และ Sekiro”
“เกมทุกเกมที่กล่าวมานั้น มีทีมตัวแทนจำหน่ายเกมรายใหญ่ซึ่งมาพร้อมงบประมาณสำหรับโปรโมตการตลาดที่เยอะมาก รวมถึงกรณีที่ IP เกมคลาสสิกบางเกม ก็อยู่คู่กับเกมเมอร์มานานจนพวกเราทุกคนรู้จักและหลงรักอย่าง Resident Evil”
แม้เกม Control หรือผลงานเกมล่าสุดจากค่าย Remedy Entertainment จะมีกระแสวิจารณ์ยอดเยี่ยมจากเจ้าสำนักหลายแห่ง และรับเสนอขึ้นรางวัลหลายสาขาจาก The Game Awards 2019 แล้วได้คว้ารางวัลเกมกำกับศิลป์ยอดเยี่ยมแห่งปี แต่เกมดังกล่าวยังคงมีกระแสไม่โด่งดังดังเท่าเกม AAA หลายเกม
“พวกเราคาดหวังว่าเราจะทำเกม Control ให้ประสบความสำเร็จในบางส่วน และเกมเราจะอยู่ไปอีกนานเหมือน Resident Evil ซึ่งผมคิดว่าการนำเกมของเราไปเทียบเกมใหญ่มันเป็นเรื่องที่ดี แต่ในความจริงแล้ว เรายังคงห่างชั้นจากเกมประเภทนั้นมาก และยังคงเป็นแบบนั้นมาตลอด”
แต่อย่างไรก็ตาม เพราะทีมงาน Remedy Entertainment ไม่โด่งดังเท่าบริษัทเกมอื่น ๆ มันก็ช่วยให้ Remedy สามารถรับรู้ถึงข้อจำกัดของตน และกลายเป็นทีมงานที่มีความเป็นตัวของตัวเอง
“แม้เราคิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่อยู่นอกสายตา แต่มันก็ทำให้เราเป็นตัวของตัวเอง ผมคิดว่ามันกลายเป็นส่วนหนึ่งของความคิดแบบชาวฟินแลนด์ในหลาย ๆ ด้านแล้ว”
“อย่าเข้าใจผิดนะครับ พวกเรารู้สึกภูมิใจในสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราสามารถบรรลุ และเรามีบุคลากรที่มีพรสวรรค์จริง ๆ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าทีมงานมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่นงบประมาณ, พนักงาน กับการตลาดครับ” – Thomas Puha
Control เป็นเกมคุณภาพสูงกับขัดเกลามาอย่างดี แต่ในความจริงแล้ว เกมดังกล่าวใช้งบประมาณสร้างเกมน้อยกว่า 30 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น และด้วยการระบบการซื้อสินค้าแบบเกมดิจิทัลที่สามารถวางขายเกมได้ระยะยาว ทำให้เกมมีกระแสยอดขายกับรายได้ที่น่าพึงพอใจ รวมถึงไม่ส่งกระทบต่อทีมงาน Remedy นั่นเอง
Control ออกจำหน่ายแล้วบน PC (Epic Games Store), PlayStation 4 และ Xbox One
