BY Aisoon Srikum
10 Mar 20 5:30 pm

Review : The Division 2 : Warlords of New York เนื้อเรื่องเสริมที่คุ้มค่าสำหรับแฟนเกมดิวิชั่น

98 Views

หลังวางจำหน่ายมาเกือบ 1 ปีเต็ม Warlords of New York น่าจะเป็นส่วนเสริมตัวแรกที่ให้ผู้เล่นจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงคอนเทนต์นี้ แต่มันจะคุ้มค่า สมราคากับเงินที่เราเสียไปหรือไม่ วันนี้เรามาพบกับรีวิว The Division 2 ในส่วนของเนื้อเรื่องเสริม Warlords of New York กันได้เลยครับ

Story

สำหรับเหตุการณ์ในภาคเสริม Warlords of New York นี้ หากผู้เล่นไม่เคยเล่นมาก่อนเลย ก็คงต้องบอกว่าอาจจะไม่อินสักเท่าไร แต่อาจจะต้องจำใจซื้อ เพราะไอเทมใหม่ อาวุธใหม่ การปลดล็อคระดับเลเวล ล้วนจำเป็นต้องซื้อส่วนเสริมตัวนี้ ดังนั้นแนะนำว่าก่อนเล่น ถ้าคุณไม่ได้สนใจเนื้อเรื่องก็แล้วกันไป แต่ถ้าหากว่าสนใจอยากรู้ที่มาที่ไปก็ลองไปหาสรุปเนื้อเรื่องดูก่อน

ใน Warlords of New York ผู้เล่นและเจ้าหน้าที่เคลโซ่จะกลับมาที่นิวยอร์กซิตี้อีกครั้ง เพื่อตามล่าอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยดิวิชั่นที่ผันตัวไปเป็นผู้ก่อการร้ายอย่างแอรอน คีนเนอร์ ที่มีแผนจะใช้อาวุธชีวภาพลึกลับก่อการร้ายที่นิวยอร์กซิตี้ และหนนี้ไม่ได้มีเพียงเขา แอรอน คีนเนอร์ มาพร้อมกับลูกสมุนทั้ง 4 คน ที่เฝ้าพื้นที่แต่ละส่วนในนิวยอร์กซิตี้ หน้าที่ของเราคือการตามเชือดเหล่าลูกสมุนทั้ง 4 รวบรวมเบาะแสข้อมูล และไล่ล่าปลิดชีพแอรอน คีนเนอร์

Warlords of New York มีเนื้อเรื่องที่น่าติดตามและน่าสนใจมาก แต่ละตัวละครล้วนมีปมในอดีตที่ทำให้พวกเขาหันมาเข้าร่วมกับคีนเนอร์ น่าเสียดายที่จังหวะการเล่าเรื่องสำคัญ ๆ มักจะเกิดขึ้นในระหว่างที่ตัวละครวิทยุคุยกัน ซึ่งมันจะเป็นที่ช่วงที่เราต้องลุยแหลกแจกกระสุนกับเหล่าศัตรูอยู่พอดี ทำให้ไม่มีเวลาเหลือบไปอ่านซับไตเติลที่เป็นเนื้อเรื่องมากนัก (หรือหนักกว่านั้นคืออ่านภาษาอังกฤษไม่ออกอีก) ทำให้หลายคนพลาดเนื้อเรื่องดี ๆ ไปเลย

ทั้งนั้นยังมีเนื้อเรื่องบางส่วนตัวที่ต้อเปิดฟังจากเทปเสียงที่เราเก็บมาได้อีก ใครที่อยากเสพเนื้อเรื่องอาจจะต้องอ่านซับไตเติลดี ๆ หรือหาเทปเสียงมาฟังบ่อย ๆ แต่โดยรวมแล้ว การเล่าเรื่องของ Warlords of New York ถือว่าสนุกใช้ได้ และที่สำคัญ มันก็ไม่ได้เขียนบทมาลวก ๆ ด้วย ลองอ่านดูจะพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจเอาซะมาก ๆ นี่ยังไม่รวมถึงตอนจบที่หักมุมกันแบบหงายเงิบ เพื่อปูทางไปทำภาคใหม่ หรือ DLC ตัวใหม่ได้เลยทีเดียว และหากใครที่อยากรู้เรื่องราวสรุปเนื้อเรื่อง สามารถตามไปอ่านกันได้ ที่นี่

Presentation

ฉากหลังของเกมในส่วนเสริมตัวนี้ แน่นอนว่าเป็นนครนิวยอร์กซิตี้ เมืองแมนฮัตตัน เราจะได้เห็นซากเมืองแมนฮัตตันที่ล่มสลายจากการก่อจลาจลทั้ง ได้เห็นเหล่า Factions ต่าง ๆ ที่คอยก่อความโกลาหลอยู่ และการเดินทางไปมาในเมืองนั้นจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเรามีโอกาสจะเจอกองกำลังศัตรูอยู่แทบจะทุกที ไม่นับรวมการเดินไปเฉี่ยวจุด Control Point ต่าง ๆ ที่มีอยู่่ทั่วไปภายในเกม

ด้วยความที่ The Division 2 เป็นเกม Loot & Shoot ผสมความเป็น RPG ดังนั้นการเล่นจึงเป็นแบบ Take Cover & Shoot หรือเข้าหลบหลังที่กำบัง ทำให้สภาพภูฒิประเทศของนิวยอร์กในเกมนี้ จะเต็มไปดว้ยซากรถ ซากสิ่งของ วัตถุต่าง ๆ ที่เราสามารถเข้าไปหลบเป็นที่กำบังได้ แม้บางอย่างจะดูเป็นไปไม่ได้ที่มันจะวางอยู่อย่างนั้นก็ตาม

Presentation ของเกมนี้ ก็เหมือนกับเกมของ Ubisoft เกมอื่น ๆ ที่ชัดเจนที่สุดคือ การที่โลกของเกมไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่ว่าจะส่วนไหนของเมืองก็ทแบจะมีกิจกรรมหรือเหตุการณ์รันขึ้นมาตลอดเวลา อาจจะเป็นกองกำลังของเราที่ไปจ๊ะเอ๋กับกองกำลังศัตรูและกำลังยิงกันหูตับไหม้ หรือบางที่ก็มีตัวประกันโดนจับเอาไว้ ถ้าเราเข้าไปช่วยก็จะได้เบาะแสล่าค่าหัวขึ้นมา โดยรวมแล้ว นิวยอร์กซิตี้ใน The Division 2 รอบนี้ นอกจากจะเต็มไปด้วยสีสัน (ที่แฝงไปด้วยความรุนแรง) แล้ว ยังทำให้ผู้เล่นต้องคอยกวาดหูตาดูให้ตลอดเวลา ไม่อย่งานั้นอาจร่วงเอาได้ง่าย ๆ

Gameplay

หากคุณเคยเล่น The Division 2 มาอยู่ก่อนแล้ว ก็น่าจะเข้าใจหลักการของเกมนี้ได้ไม่ยาก โดยรวมแล้วเกมเพลย์ก็ยังคงเป็น Loot & Shoot ที่ใส่ความเป็น RPG เข้ามา และยิ่งศัตรูในส่วนเสริมนี้ หากใครที่เกลียดสิ่งที่เรียกว่า Bullet Sponge ก็อาจจะไม่ชอบไปเลยก็ได้ เพราะมันยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ แม้ศัตรูแต่ละตัวจะมี Weak Point หรือจุดอ่อนทำให้เราจัดการมันได้ง่ายขึ้นก็ตาม

สิ่งที่ปรับเปลี่ยนไปในส่วนเสริมนี้คือระบบ Gear 2.0 และโต๊ะ Recalibration แบบใหม่ ที่ตอนแรกอาจจะงง ๆ กันนิดนึง แต่พอทำความเข้าใจแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยาก การ Recalibration จะเป็นการถอดเอาออปชั่นหรือที่ในเกมนี้เรียกว่า Core Attribute และ Attribute ออกมาจากตัวปืนนั้น ๆ แต่ก็จะทำให้ปืนนั้นหายไปเลย (ดึงออปชั่นออกจากของ แต่ของหายไป) และเราสามารถนำออปชั่นนั้นมาใส่กับปืนที่เราต้องการได้อีกด้วย แต่จะใส่ได้เพียงออปชั่นเดียวเท่านั้น ดังนั้นต้องเลือกดี ๆ ว่าจะเอาอะไรมาใส่ปืนกระบอกนั้น

นอกจากนั้นยังมีส่วนของการปลดล็อคระดับเลเวล และฉากใหม่ ซึ่งผู้เล่นสามารถไปลุยภารกิจที่นิวยอร์กซิตี้ได้ยันเลเวล 40 และของก็จะดรอปตามเลเวลขึ้นไป นั่นหมายความว่ายิ่งเลเวลสูงเราก็จะได้ของดีนั่นเอง และเมื่อสุดที่เลเวล 40 ไปจนถึงการฝ่าฟันเนื้อเรื่องจนจบแล้ว จากที่ในแพทช์เก่าเราจะเน้นฟาร์มของ ทำให้ Gear Score สูงขึ้น ในส่วนเสริมนี้ จะใช้ระบบ SHD Level แทน โดยหลักการทำงานของระบบนี้จะคล้าย ๆ กับระบบ Paragon ของ Diablo ซึ่ง SHD เลเวลก็ได้จากการเก็บ EXP ไปตามปกติ และนำแต้มที่ได้จากการเลเวลอัพ มาอัพค่าสเตตัสต่าง ๆ อีกที

นอกจากนั้นตัวเกมยังใส่ความยากระดับต่าง ๆ เข้ามาเหมือนที่ภาคแรกเคยทำไว้ เรียกได้ว่าผู้เล่นสามารถสิงอยู่กับเกมนี้ได้ยาว ๆ หากไม่เบื่อไปเสียก่อน และแน่นอนว่าเกมนี้เป็นเกมแบบ RPG เมื่อผู้เล่นจบเนื้อเรื่องแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือการฟาร์มวนไปเท่านั้น โชคดีที่ในส่วนเสริมนี้ เขาเพิ่มแก๊งใหม่เข้ามาให้เราล่าในส่วนของกิจกรรมแทน ซึ่งจะมีการปลดล็อคให้ล่ากันแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ จะได้ดูมีเป้าหมายในการเล่น

และการชวนกันมาเล่นเป็นทีมนั้นก็มไ่ได้ทำให้ตัวเกมง่ายขึ้นแต่อย่างใด เพราะระบบจะปรับความยากตามจำนวนคนที่เข้ามาแจม ดังนั้นใครที่คิดจะสบายเพราะเกาะเพื่อนก็ต้องคิดใหม่ เพราะยังคงต้องใช้ฝีมืออยู่ตามเดิม

อีกจุดนึงที่มาเล่นแล้วยังไงก็รู้สึกว่าน่าติสักนิด คือระบบการควบคุมของเกมนี้ แม้ว่ามันจะเป็นแบบนี้มานานตั้งแต่ภาคแรกแล้ว แต่ด้วยความที่ยิ่งยาก และศัตรูที่โหดขึ้นใน Warlords of New York นั้น ทำให้เราต้องหลบให้ดี กะจังหวะยิงให้ถูก และความฉลาดของ A.I. ก็ฉลาดเสียจนบางทีทำให้เรามือไม้เป็นพัลวัน หาทางหลบ ปั๊มยากันแทบไม่ทัน ปกติแล้วเกมนี้จะใช้วิธี Take Cover โดยกด Space Bar ให้ตัวละครหลบอยู่หลังที่กำบัง และถ้าจะย้ายมุม ก็กดซ้ายหรือขวาค้าง ให้มันเปลี่ยนตำแหน่ง หรือถ้าจะเปลี่ยนจุด Take Cover ก็ต้องเล็งจุดที่จะย้ายให้ดี และกด Space Bar ค้างเพื่อให้ตัวละครวิ่งไปยังจุด Take Cover ใหม่

ซึ่งระหว่างนี้ ทุกกระบวนการจะมีขั้นตอนและระยเวลาของมัน แต่ศัตรูไม่ได้ให้เวลาเรามาก ในขณะที่เราให้กระบวนการของเกมมันทำงาน ศัตรูก็ถล่มยิงเราเละเทะ  หรือบางทีเราอาจจะพลาด อยากจะกระโดดหลบ แต่กดไป Take Cover ให้ศัตรูยิงฟรีแทน เอาจริง ๆ มันก็ไม่ใช่ข้อเสียร้ายแรงอะไร และดีไม่ดีอาจไม่ใช่ข้อเสียของเกมด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากว่าผู้เล่นไม่ทำความเข้าใจ หรือเรียนรู้การหลบ การยิงที่ถูกจังหวะ เกมนี้จะยากขึ้นมาก ๆ

ยังไม่นับเหล่าศัตรูบางตัวที่ Bullet Sponge แบบสุด ๆ เลือดหลักสิบล้าน ต้องประเคนทั้งสกิล อาวุธหลัก อาวุธรองจนหมดตัวถึงจะโค่นลงได้ ใครที่เบื่อระบบนี้อาจจะไม่ชอบเกมนี้ไปเลยอย่างที่บอกในช่วงแรก เพราะแม้ว่าศัตรูแต่ละตัวจะมี Weak Point ให้เรายิงจัดการได้ง่ายขึ้น แต่การเล่นคนเดียวก็ทำได้ยากเหมือนเดิม อย่างเช่นศัตรูหุ่นยนต์วิ่งได้ของพวก Black Tusk ที่จุดอ่อนอยู่ตรงข้อต่อขาที่เล็งยิงได้ยากมาก เพราะมันเคลื่อนไหวได้เร็ว หรือแม้กระทั่งพวกเกราะหนาทั้งหลายที่ส่วนมากจุดอ่อนจะอยู่ข้างหลัง ทำให้เราไม่ค่อยจะมีโอกาสอ้อมไปยิงมันได้สักเท่าไร

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Warlords of New York ก็เป็นส่วนเสริมที่ทำออกมาได้คุ้มค่าคุ้มราคามาก ๆ ในด้านของเกมเพลย์ เพราะการขยายเลเวลใหม่ อาวุธใหม่และรูปแบบการเล่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ผู้เล่นสามารถอยู่กับคอนเทนต์ใหม่นี้ได้ยาว ๆ ยังไม่รวมกิจกรรมที่กำลังจะตามมาในอนาคต

Performance

ปกติแล้วในการอัปเดตใหญ่แต่ละที มักจะตามมาด้วยบัคและปํญหาต่าง ๆ แน่นอนว่า Division 2 เองก็เจอปัญหานี้ เพียงแต่มันไม่ค่อยบ่อยนักที่จะเจอ

ในเรื่องประสิทธิภาพการรันตัวเกม ใครที่เล่นเกมหลักได้อยู่แล้ว มาในตัวเสริมนี้ แม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนตัวแผนที่มาเป็นนิวยอร์กซิตี้ ก็สามารถเล่นได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ สิ่งที่จะเจออยู่บ้างก็คือบัคบางข้อที่ทางผู้พํฒนายังไม่ได้แก้ไข (ณ วันที่เขียนรีวิวนี้) และเท่าที่ผู้เขียนเจอมา ยังมีบัคบางประเภทที่ทำให้ไม่สามารถเล่นภารกิจต่อจนจบได้ ต้องออกเข้าใหม่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ก็นาน ๆ ทีจะเจอปัญหานี้ที ซึ่งคาดว่าทีมงานน่าจะแก้ไขในเร็ววันนี้ นอกจากนั้นตัวเกมแทบไม่มีปัญหาอะไรให้เราเห็น ซึ่งแน่นอนว่าก็ขึ้นอยู่กับสเปคคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันของผู้ใช้งานด้วย บางปัญหาคนอื่นเจอ แต่เราอาจจะไม่เจอก็มีเช่นกัน

Warlords of New York คืออีกหนึ่งส่วนเสริมที่ความคุ้มค่าของมันขึ้นอยู่กับแต่ละคน ถ้าคุณเป็นแฟนเกมดิวิชั่น ชอบเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ชอบระบบการเล่นแบบ MMOTPS และใส่ความเป็น RPG มาได้อย่างละเอียดลุ่มลึก นี่คือเกมที่คุณไม่ควรพลาด เพราะคุณจะใช้เวลากับมันได้ยาว ๆ แน่ ถ้าไม่เบื่อไปซะก่อน แต่ถ้าคุณไม่ชอบ Bullet Sponge ไม่ชอบการเล่นเกมที่ต้องกินเวลานาน เพราะต้องฟาร์มของ เก็บเลเวล ก็หลีกเลี่ยงเกมนี้เสียดีกว่า

Verdict 8/10

 

 

Aisoon Srikum

Back to top