นักการเมืองประเทศสหรัฐฯ เริ่มแสดงความกังวลต่อเทคโนโลยี AI Deepfakes เพราะอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ
Deepfakes คือ AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสร้างสรรค์ผลงานภาพเคลื่อนไหวและตัดต่อวิดีโอ แต่ความสามารถของมันนั้นเหนือกว่าโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่เราใช้งานกันทั่วไป
ผู้ใช้งานสามารถนำการเคลื่อนไหวที่ถูกบันทึกไว้แล้วส่งให้ Deepfakes ประมวลผลและนำไปตัดแปะเข้ากับบุคคลใดก็ได้ในโลกใบนี้ หรือแม้แต่กระทั่งปลอมแปลงเสียงของบทสนทนาจนเหมือนกับเจ้าของเสียงพูดออกมาเองจริง ๆ
เทคโนโลยีดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากในประเทศสหรัฐฯ ณ ตอนนี้ นักการเมืองเริ่มเรียกร้องให้สำนักหน่วยข่าวกรองกลาง (CIA) เฝ้าระวังและเตรียมรับมือกับผลงานที่สร้างขึ้นผ่าน Deepfakes และถูกเผยแพร่ออกไปบน YouTube หรือช่องทางต่าง ๆ
จากความเห็นของนักการเมือง เทคโนโลยี AI รูปแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อพวกเขาและความมั่นคงของประเทศโดยตรง เพราะการ Blackmail นักการเมืองและข้าราชการด้วยข้อมูลปลอมสามารถทำได้ง่ายขึ้นผ่าน AI Deepfakes มีความเป็นไปได้ว่าการเลือกตั้งภายในสหรัฐฯ อาจไม่โปร่งใสและยุติธรรมเหมือนรอบที่ผ่านมา เพราะไม่มีปัญหาจากการถูกเทคโนโลยีเข้าแทรกแซง
Carlos Curbelo ตัวแทนจากพรรค Republican และหนึ่งในนักการเมืองที่ร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองของประเทศสหรัฐฯ ในเรื่องนี้ รายงานกับสื่อว่า “มีความเป็นไปได้ที่ Deepfakes จะทำลายความมั่นคงภายในประเทศสหรัฐฯ และสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศ ผ่านความสามารถของมันในการปลอมแปลงข้อมูลขั้นสูงและยากที่จะตรวจสอบ”
นาย Carlos Curbelos กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทุกคนในสังคมต้องช่วยกันสอดส่องและเฝ้าระวังเนื้อหาที่ไม่น่าเชื่อถือเหล่านี้บนอินเตอร์เน็ตเพื่อปกป้องประเทศชาติและชีวิตของชาวอเมริกัน”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักการเมืองและผู้ร่างกฎหมายแสดงท่าทีวิตกกังวลต่อเทคโนโลยี AI นาย Marco Rubio ส.ว. จากรัฐ Florida เคยให้ข้อสังเกตต่อภัยคุกคามของการปลอมแปลงข้อมูลมาก่อน และเคยตั้งข้อสันนิษฐานว่าภัยคุกคามทางด้านข้อมูลนี้อาจมาจากประเทศรัสเซีย
Deepfakes เปิดตัวอย่างโด่งดั่งเมื่อปี 2016 เมื่อผู้ใช้งาน Reddit รายหนึ่งโชว์ผลงานของตนที่ใช้ AI ดังกล่าวตัดต่อรูปหน้าของนักแสดงหนังโป๊ให้กลายเป็นใบหน้าของคนมีชื่อเสียงรายหนึ่ง จากเรื่องตลกในเว็บบอร์ดกลายเป็นเรื่องที่หน่วยงานระดับประเทศต้องเฝ้าระวัง
องค์กรจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัย บริษัทสตาร์ทอัพ หรือบริษัทขนาดใหญ่ กำลังร่วมมือกันสร้างโปรแกรมที่สามารถระบุได้ว่าวิดีโอตัวไหนเป็นผลงานปลอมแปลงที่เกิดขึ้นจาก Deepfakes
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีตรวจจับการปลอมแปลงจะประสบผลความสำเร็จ สิ่งที่ยากที่สุดคือการป้องกันไม่ให้ผู้คนนำ Deepfakes ไปใช้ในทางที่ผิด
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พวกเราทุกคนควรติดตามกันต่อไปว่าความสามารถของ AI จะไปได้ถึงขนาดไหน และจะส่งผลกระทบอย่างไรต่ออนาคตของมนุษย์ทุกคน