ต้องขอบคุณความพังของเอนจินเกมภาคแรก ที่ทำให้สุดยอดเกม CO-OP อย่าง Left 4 Dead 2 ได้ถือกำเนิดขึ้น
ไม่ปฏิเสธว่า Left 4 Dead 2 เป็นเกม CO-OP เอาตัวรอดจากซอมบี้ที่ได้รับความนิยมตลอดกาล แต่รู้หาไม่ว่าเกมดังกล่าวเคยถูกประท้วงจากกลุ่มเกมเมอร์ เรียกร้องให้รวมตัวคว่ำบาตร Left 4 Dead 2 เพราะไม่เห็นด้วยที่ Valve ทอดทิ้งเกมภาคแรก และคิดว่าทีมงานโลภจากการเร่งปล่อยเกมภาค 2 ทั้งที่เกมภาคแรกวางจำหน่ายเพียงแค่ปีเดียว
แม้ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเกม Left 4 Dead 2 ได้หายไปแล้ว แต่เกมเมอร์อาจยังสงสัยว่าทำไม Valve จึงเข็นเกมภาค 2 ออกมาเร็วขนาดนี้ ล่าสุด ทาง Chet Faliszek ผู้นำในการสร้างโปรเจกต์ Left 4 Dead และอดีตพนักงาน Valve ได้ออกมาเฉลยคำตอบแล้ว
Faliszek เผยกับสื่อ Game Developer ว่าสาเหตุหลักที่ทีมงาน Valve พัฒนาเกม Left 4 Dead ภาค 2 แทนที่จะสนับสนุนเกมภาคแรกต่อไปเหมือน Counter-Strike หรือ Team Fortress 2 เพราะเอนจินสำหรับเกม Left 4 Dead มีสภาพที่ “พังมาก” จนไม่สามารถสนับสนุนการใช้ม็อด หรืออัปเดตเพิ่มฟีเจอร์, อีเวนต์พิเศษในระยะยาวได้
แล้วความพังของเอนจิน Left 4 Dead ก็ทำให้ตัวเกมซ่อมอย่างยากลำบาก หรือซ่อมแล้วก็จะเกิดบั๊กใหม่ตามมาแบบไม่รู้จบ เช่น จู่ ๆ ผู้เอาตัวรอดก็หายไป ฉะนั้นการสร้าง Left 4 Dead 2 จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับการแก้ปัญหาเอนจินพัง และทำให้เกมรองรับการสนับสนุนในระยะยาว
“ผมไม่คิดว่าหลายคนจะชื่นชมความพังของเอนจินเกม Left 4 Dead แต่ยังส่งออกวางจำหน่ายเกมเหมือนเดิม (และอาจไม่ได้สังเกตว่า) แต่ละแผนที่ต้องใช้เวลาโหลดนานกว่าที่ควรจะเป็นถึง 2 หรือ 3 เท่า
เอนจินเกม Left 4 Dead มันพังมากจนไม่มีนักพัฒนาคนไหนอยากแตะต้องมัน ถ้ามีส่วนไหนพัง เราก็ต้องกลับมาแก้หลายครั้ง ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงไม่มีทางที่ทำให้เกม Left 4 Dead สนับสนุนม็อดได้เหมือนเกมภาค 2 โดยปราศจากการรีเซตสร้างใหม่”
แล้วสาเหตุที่ Valve ไม่มีการเผยเหตุผลในการพัฒนาเกมภาค 2 ทาง Faliszek กล่าวว่า “เมื่อทีมงานแลกชีวิตตัวเองเพื่อส่งออกเกมนี้ พวกเขาไม่อยากให้แฟน ๆ รู้ว่าตัวเกมกำลังมีปัญหา” – Faliszek กล่าว
ที่มา: Kotaku