เปิดตัวไปอย่างยิ่งใหญ่เมื่อคืนนี้สำหรับ Assassin’s Creed Valhalla ภาคล่าสุดของซีรีส์เกมนักฆ่าที่คราวนี้บุกเข้าสู่ยุคของชาวไวกิ้งที่ต้องต้านทานการรุกรานของข้าศึกที่บุกรุกเข้าสู่บ้านเกิด ที่วันนี้เราได้รวบรวมรายละเอียดสำคัญในเกมมาให้ทุกคนได้ทราบกัน
ทาง IGN ได้เผยข้อมูล 36 ข้อเกี่ยวกับเกม Assassin’s Creed Valhalla เอาไว้ตามหัวข้อดังนี้
ระบบการเล่นแบบ Open World และการต่อสู้
- ระบบการต่อสู้ได้รับการปรับปรุงให้เร้าใจกว่าเดิม การโจมตีในแต่ละครั้งที่โดนจะสร้างแรงสะเทือนยิ่งกว่าเก่า
- ซึ่งรวมไปถึงผู้เล่นสามารถตัดแขนขาหรือตัดคอของศัตรูได้ด้วย
- ในภาคนี้ผู้เล่นสามารถเลือกถืออาวุธสองมือได้อย่างอิสระ จากเดิมที่ต้องถืออาวุธชนิดเดียวกันสองมือ คราวนี้เราเลือกได้เลือกว่าจะถืออาวุธคู่แบบมือหนึ่งถือขวาน มือหนึ่งถือดาบได้ด้วย
- โล่กลับมาให้ใช้งานอีกครั้งหลังจากถูกเอาออกไปในภาค Odyssey
- และแน่นอนว่า Assassin’s Blade คู่ใจก็กลับมาด้วยเช่นกัน
- Throwing Axes หรือขวานสำหรับขว้างก็จะเป็นหนึ่งในอาวุธของตัวเอกที่มีให้ใช้งาน
- ตัวเอกจะมีเรือ Viking Longship ที่ใช้เดินทางเป็นของตัวเองด้วย
- ผู้เล่นสามารถ Spot หรือมาร์คจุดของป้อมปราการที่เจอทางเรือได้ และใช้กองกำลังของตัวเองเข้าปล้นของในป้อมได้ด้วยเช่นกัน
- โหมดการรบแบบภาค Odyssey จะกลับมาอีกครั้ง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการเลือกฝ่ายในการรบจะเป็นแบบเดิมหรือไม่
- ระบบพัฒนาตัวละครแบบเกม RPG จะถูกต่อยอดจากภาค Origins โดยมีทั้งความสามารถใหม่ และชุดเกราะชุดใหม่ให้ได้ตามหา
- กิจกรรมในช่วง Open World มีให้ทำมากขึ้น เช่นตกปลา ล่าสัตว์ เล่นเกมลูกเต๋า และ Drinking Game
- และที่น่าสนใจคือจะมีการแข่งขัน Rap Battle ในแบบฉบับของชาวไวกิ้งด้วย
- Eivor ตัวเอกของเกมจะมีผู้ช่วยเป็นอีกา ที่ใช้ในการสำรวจพื้นที่แบบเดียวกับในภาคเก่า
โลกและเรื่องราวของเกม
- Valhalla จะดำเนินเรื่องในยุคศตวรรษที่เก้า หรือช่วงยุคมืดในยุโรป
- เรื่องราวในภาคนี้จะเล่าผ่านมุมมองของ Eivor เป็นหลัก และเขาเป็นผู้นำผู้คนของเขาออกต่อต้านข้าศึกในพื้นที่ของนอร์เวย์และอังกฤษ
- กษัตริย์ Alfred แห่ง Wessex จะเป็นศัตรูที่ Eivor และชาวไวกิ้งต้องต่อกรด้วย
- แม้กษัตริย์ Alfred จะเป็นตัวร้ายหลัก แต่ผู้กำกับของเกม Darby McDevitt กล่าวว่า มันอาจเป็นการด่วนตัดสินไปเสียนิดว่าเขานั้นคือศูนย์กลางความเลวร้ายของเกมภาคนี้
- โดยหลังจากที่เนื้อเรื่องดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง ตัวร้ายที่แท้จริงของเกมภาคนี้จะปรากฏตัวขึ้นในเนื้อเรื่องยุคปัจจุบัน และเรื่องราวตรงนี้จะต่อเนื่องจากภาคเก่าด้วยเช่นกัน
- Eivor จะมีโอกาสได้เจอกับสมาชิกมือสังหารจากประเทศอังกฤษ โดยกลุ่ม Templar ก็จะยังถูกพูดถึงอยู่ แบบเดียวกับใน DLC Hidden Ones ในภาค Origins และ Order of The Ancient ในภาค Odyssey นั่นเอง
- แผนที่ของเกม Valhalla จะอยู่ในพื้นที่ของประเทศ Norway ที่ผู้เล่นสามารถย้อนกลับมาได้ตลอดเวลา รวมไปถึงอยู่ในพื้นที่ของสีอาณาจักรในอังกฤษอย่าง Wessex, Northumbria, East Anglia และ Mercia
- ผู้เล่นจะได้ไปเยือนเมืองใหญ่ของอังกฤษอย่าง London, Winchester และ Jorvik ด้วย
- แม้ Valhalla จะไม่ใช่ภาคสุดท้ายของซีรีส์ แต่คุณ McDevitt กล่าวว่าภาคนี้ถือเป็นจุดที่ดีในการสรุปเรื่องราวของแฟรนไชส์นี้ และน่าจะมีบอกเล่าเรื่องราวของปกรณัมของเทพ Norse อย่างมากมายในภาคนี้ด้วยเหมือนกัน
การพัฒนาเกม
- Ubisoft Montreal เป็นสตูดิโอหลักที่รับผิดชอบการสร้างเกมภาคนี้
- ผู้กำกับของโปรเจกต์นี้คือ Ashraf Ismail ซึ่งเขาเคยฝากผลงานเอาไว้แล้วในภาค Black Flag และ Origins มาก่อน
- Valhalla จะเป็นภาคแรกที่วางจำหน่ายบนเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่ PS5 และ Xbox SX
- รวมไปถึงจะวางจำหน่ายบน PS4, Xbox One, PC, Uplay+ และ Google Stadia
- วางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2020
ตัวเลือกของผู้เล่น บ้านเมือง การปรับแต่งตัวละครและอื่น ๆ
- เช่นเดียวกับใน Assassin’s Creed Odyssey ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะเล่นเป็นชายหรือหญิงก็ได้
- ชุดต่าง ๆ มีตัวเลือกในการปรับแต่งมากขึ้นกว่าเก่า
- ชุดเกราะแต่ละส่วนจะมีความเฉพาะตัวแตกต่างกันไป
- ในภาคนี้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งรอยสัก ทรงผม เสื้อผ้าและหน้าลายพรางได้อย่างอิสระ
- นอกจากตัวละครของเราเอง สมาชิกในกองทัพของเราก็สามารถปรับแต่งได้ด้วยเช่นกัน
- หมู่บ้านของชาวไวกิ้งสามารถพัฒนาได้ ผู้เล่นต้องเลือกที่จะพัฒนาเมืองของตัวเองที่บ้านเกิดด้วยเช่นกัน
- ตัวเลือกในการอัปเกรดเมืองมีตั้งแต่การสร้างโรงตีเหล็ก ค่ายทหาร ร้านสัก และอีกมากมาย
- สิ่งที่ผู้เล่นเลือกผ่านบทสนทนาและการกระทำจะส่งผลต่อโลกของเกม เช่นความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และอีกมากมาย
- ตัวเลือกในบทรักจะยังมีอยู่เหมือนเดิม พร้อมตัวเลือกในการแต่งงานเช่นกัน
Assassin’s Creed Valhalla วางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2020 ครับ