หน่วยงานของจีนกำลังวางแผนที่จะจำกัดจำนวนเกมในประเทศลง เพื่อลดอาการเสพติดเกมออนไลน์ของเยาวชนในประเทศ หลังจากจีนเผชิญวิกฤตเด็กติดเกมอย่างหนัก จนมีผลด้านสายตามาอย่างยาวนาน
เว็บไซต์ ฺBloomberg รายงานว่า ด้วยมาตรการใหม่นี้ทำให้อุตสาหกรรมเกมเหมือนถูกแช่แข็ง ผู้ผลิตรายย่อยเกิดปัญหาใหญ่ รวมถึงรายใหญ่ที่เกิดปัญหาขึ้นบ้างเล็กน้อย เห็นได้จาก Tencent ที่หุ้นตกไปถึง 5% หลังจากที่กฏใหม่ถูกประกาศ
กระทรวงศึกษาธิการของประเทศจีนกล่าวว่า การเคลื่อนไหวในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะต้องการดูแล ควบคุมภาวะสายตาสั้นในเด็กและวัยรุ่น การกระทำในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการควบคุมทั้งสื่อและค่ายเกมในประเทศ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศจีนเท่านั้น เห็นได้จาก NetEase ที่หุ้นตกไปถึง 7.2% แม้จะเป็นสาขาต่างประเทศก็ตาม
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นว่า รัฐบาลต้องการจะควบคุมผู้ให้บริการเกมในประเทศหรือเปล่า การแช่แข็งครั้งนี้ทำให้ค่ายเกมต้องปรับโครงสร้างภายในบริษัทอย่างรวดเร็ว เพื่อให้บริษัทปรับตัวอยู่ได้โดยที่ไม่เกิดผลกระทบมากเท่าไหร่นัก แต่ผลกระทบก็ยังดำเนินไปอยู่ดี เห็นได้จาก Tencent ที่ผลกำไรลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงนี้
“ผู้ปกครองควรลดใช้ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ในตอนที่อยู่กับลูก ๆ” กระทรวงกล่าว “การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ให้ความรู้ใด ๆ ควรใช้เพียง 15 นาทีและไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน”
นอกจากจีนแล้ว อุตสาหกรรมเกมในประเทศอื่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน Capcom หุ้นตกราว 7.1% ส่วน Nexon จากเกาหลีก็มีรายได้จากจีนลดลงถึง 5.1% เนื่องจากจีนถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ของวงการเกมในปัจจุบัน
มีการถกเถียงกันว่า นโยบายการหยุดนำเข้าเกมจะมีผลตลอดไปหรือแค่มีผลชั่วคราว เพราะรัฐไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีนี้มากนัก ทำให้สื่อหลายสำนักในจีนและประชาชน ต่างวิพากย์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง
ประธานาธิปดี สี จิ้นผิง ของจีนออกมากล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า จำนวนเด็กสายตาสั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ แถมยังเกิดขึ้นในเด็กที่อายุน้อยมาก ๆ อีกด้วย ถือเป็นวิกฤตใหญ่ที่จีนต้องเผชิญ เขาจึงได้ออกมาแก้ปัญหาดั่งกล่าวด้วยนโยบายนี้
