“OG” คือทีมแรกของโลก ที่สามารถคว้าแชมป์ของการแข่งขันสูงสุดประจำ Dota 2 อย่าง “The International” ได้ถึงสองสมัยติด ซึ่งก็แน่ชัดแล้วว่าพวกเขาคือผู้เล่น Dota 2 ที่เก่งที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เล่นเกมแนว MOBA ที่เก่งที่สุดแล้วก็ว่าได้
ซึ่งหลังจากที่สถิติและเรื่องราวต่าง ๆ ของทั้ง OG และงาน The International ได้แพร่ออกไป แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นที่สนใจของทั้งแฟนเกม Dota 2 เอง และแฟนเกมแนว MOBA อื่น ๆ ด้วยกันที่ก็คอยติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นรอบโลกอยู่ไม่ห่าง แต่เนื่องจากว่าหลายคนอาจจะไม่เคยเล่น Dota 2 หรือ DotA มาก่อน จึงอาจมีบางเรื่องที่ยังไม่อาจเข้าใจได้
ตัวอย่างที่น่าจะนำมาพูดถึงได้ก็คือ ในการแข่งขันที่ผ่านมา ได้มี Meta หนึ่งที่ได้แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในศึกนี้ นั่นก็คือสูตร “IO Carry” หรือการหยิบ Hero ที่ชื่อ IO (ไอโอ) มาเล่นในตำแหน่งที่เกมไม่ได้ออกแบบเอาไว้ให้เป็น นั่นคือ Carry และผู้ที่ทำมันได้ก็คือ Anathan “ana” Pham ผู้เล่นจากทีม OG ที่ชนะในการแข่งนั่นเอง
นี่จึงอาจทำให้เกิดความสงสัยในหมู่ของนักเล่นเกม MOBA ด้วยกันที่ได้รู้จักกับ Meta นี้เป็นครั้งแรก ว่าทำไมมันจึงเป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่ผู้เล่น Dota 2 กันอย่างอย่างแพร่หลาย วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปรู้จีกกับ “IO Carry” กัน แต่เราจะจะศัพท์และการอธิบายที่ให้คนอื่น ๆ ที่ไม่เคยเล่น Dota 2 เข้าใจด้วย (อย่างน้อยก็เคยเล่น MOBA เกมอื่น ๆ เกมไหนเกมหนึ่งมาก่อน)
IO – The Wisp
ก่อนอื่นก็ต้องทำความรู้จักกับ IO (ไอโอ) กันก่อน IO เป็น Hero สาย Support ประจำ Dota 2 โดยเป็นหนึ่งใน Hero ดั้งเดิมที่ติดมาจาก DotA All Stars จึงถือว่าไม่ใช่ Hero ใหม่ และแฟน ๆ MOBA รุ่นแรก ๆ หลายคนก็น่าจะรู้จัก Hero ตัวนี้กันเป็นอย่างดี
แม้จะดูเป็นเหมือน Hero สายซัพตัวบาง ๆ แล้ว แต่ที่จริง IO เป็น Hero สาย Strength ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สายหลักของเกม Dota 2 อันได้แก่ Strength, Agility และ Intelligence (ถ้าจะเทียบง่าย ๆ คือ พละกำลัง, ความเร็ว และปัญญา) หลายคนที่เห็น Hero ตัวนี้เป็นครั้งจึงมักคิดว่าเป็นสาย Intelligence เนื่องจากทั้งรูปร่างรวมถึงความสามารถนั้นดูยังไง ๆ ก็เป็นสาย Intelligence ชัด ๆ
โดยที่ Skill ถือว่าแปลกใหม่อยู่พอสมควรเมื่อเทียบกับ Hero ตัวอื่น ๆ ในตอนนั้น Skill แรกอย่าง Tether จะทำการ Link เขาและเพื่อรวมทีมเขาด้วยกัน ทำให้ทั้งคู่แชร์ความสเตตัสบางตัวร่วมกันและเป็นเงื่อนไงของการใช้สกิลที่เหลือ รวมถึงการ Heal ละ Regen Mana ด้วย
Skill 3 อย่าง Overcharge ก็มีไว้เพื่อความบัพตัวเองและเพื่อที่ Link อยู่ ท้ายที่สุดคือ Ultimate : Relocate ที่เอาไว้เทเลพอร์ตไปยังจุดต่าง ๆ ในแผนที่ นี่จึงทำให้ IO ถูกเล่นเป็น Support เรื่อยมาโดยที่ไม่มีการหยิบมาเล่นในหน้าที่อื่น ๆ มากนัก
แต่สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เราต้องรู้ก่อนคือ DotA ที่เป็นเกมที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่ไม่เหมือนกับ MOBA ยุคใหม่ ๆ เกมอื่น เพราะค่าพลังส่วนใหญ่ของ Skill ในเกมนั้นจะถูกล็อคเอาไว้และเปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างยาก ต่างกับเกมรุ่นใหม่ที่ใช้พื้นฐานของ LoL ทำให้ค่าพลังของ Skill สามารถเปลี่ยนแปลงไปมาได้ง่าย ซึ่งผลของเกมก็จะอยู่ที่ตรงนั้นเป็นสำคัญด้วย
Dota 2 ซึ่งเป็นเกมรุ่นต่อมาจึงกลายเป็นเกมที่ผู้เล่นจะต้องฝึกเล่น Hero ที่เลือกจนชำนาญ (ต้องชำนาญจริง ๆ ) เพื่อดึงเอาความสามารถที่ Hero ตัวนั้น ๆ มีออกมาได้ให้มากที่สุด ซึ่งนั้นก็ทำให้เกิดวิธีการเล่นประหลาด ๆ มากมายตลอดระยะเวลาที่เกมเปิดให้เล่นมา และ IO Carry ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ว่ามานั้น
IO Carry
แนวคิดของ IO Carry เริ่มจากตรงไหน ? มันก็เริ่มจาก Skill พื้นฐานของเขานั่นเอง ก็คือ Spirits ที่จะสร้างลูกพลังออกมาบินรอบ ๆ ตัว ใช้สร้างความเสียหายและเคลียเวฟ Creep ได้เป็นอย่างดี (ใครที่เคยเล่น LoL ขอให้นึกถึง Aurelion Sol หรือจะดูไปที่ภาพด้านบนก็ได้)
ทำให้บางคนหยิบ IO มาเล่นในบทบาทที่ก้าวร้าวมากขึ้น นั่นคือ Aggressive-Support ทำให้แทนที่จะเป็นตัวที่เดินตามเพื่อนอย่างเดียว IO จะทำหน้าที่เหมือน Carry อีกหนึ่งคนด้วย (เพราะไหน ๆ ก็ต้องเดินตามเพื่อนตลอดอยู่แล้ว)
และเมื่อมาใน Dota 2 แนวคิดนี้ก็ได้รับการต่อยอดมากขึ้น จากระบบ Talent ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ IO Carry กลายเป็นหนึ่งสายที่เล่นได้อย่างแท้จริง โดยที่ Spirits จากเดิมที่แค่ทำความเสียหาย มันก็จะ Slow Hero ที่โดนไปด้วย (Spirits จะระเบิดออกถ้าโดน Hero) และใน Lv. 25 ก็จะมี Talent ที่ทำให้ IO ยิงไปยังเป้าหมายเดียวกับที่เพื่อน (ที่ Link ) โจมตีอยู่ด้วยความเร็วการโจมตีที่เท่ากัน
สำหรับใครที่ไม่เคยเล่น Dota 2 มาก่อน ขอให้นึกภาพว่าเรามี Hero ที่ไม่จำเป็นต้องซื้อไอเทม Attack Speed แต่ก็ยังโจมตีได้เร็วเท่ากับเพื่อที่โจมตีเร็วที่สุด แถมยังไม่ต้องซื้อรองเท้าเพราะความเร็วในการเคลื่อนที่จะเท่ากับคนที่ Link อยู่เสมอ
อีกทั้ง เรายังสามารถออกของที่เสริมการโจมตีได้ทั้ง 6 ช่องหากต้องการ ก็ลองคิดดูเล่น ๆ ว่ามันจะเป็น Hero ที่เก่งขนาดไหน ซึ่งนี่เป็นแนวคิดที่ ana ใช้ในการเล่นใน The International ที่ผ่านมา
แต่เนื่องจาก IO Carry เป็นแผนที่ต้องใช้ความเข้าใจในการเล่นเป็นอย่างมาก จึงมีน้อยคนที่กล้าหยิบมาเล่นในเกมจริง ๆ ทำให้เราไม่พบเห็น IO Carry มากนัก จะเห็นได้ว่าผู้บรรยายในคลิปด้านบนเองก็แปลกใจที่เห็นทีม OG หยิบ IO ขึ้นมาใน Pick สุดท้าย ซึ่งก็คงไม่มีใครคิดว่ามันจะได้ผลอย่างดีเยี่ยมจนกระทั่งเกมดำเนินไปอย่างที่เราเห็นกัน
ก็ครบกันแล้วสำหรับเรื่อง IO Carry ที่นำมาฝากกันในวันนี้ ก็หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้และคิดใหม่ ๆ ในการเล่นเกมแนว MOBA กันมากขึ้น เพราะความสนุกของเกมแนวนี้แบบหนึ่ง คือการเล่นในแบบแปลก ๆ ที่จะทำให้คนอื่นตะลึงได้ทุกครั้งที่เห็น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องฝึกให้ชำนาญ เและต้องนัดแนะกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ให้ดี (โดยเฉพาะใน Rank Game) เพราะไม่งั้นก็อาจจะโดนเพื่อนร่วมทีมรุม Report เอาได้ล่ะนะ 😀