รับรู้ด้วยตา สัมผัสด้วยมือตัวเองจึงต้องเอามาเล่าต่อกับเกมภาคต่อชื่อดังอย่าง Assassin’s Creed: Origins
ใครเป็นติ่ง Ubisoft ? ฉันไงล่ะ ฉันไงล่ะ
ใครเป็นติ่ง Assassin’s Creed ? ฉันไงล่ะ ฉันไงล่ะ
คงจะมีเกมเมอร์ไม่มากนักที่ชื่นชอบเกมชูธงของค่าย Ubisoft อย่าง Assassin’s Creed ที่ผู้คนค่อนโลกต่างรุมสับกันว่ามันก็เหมือนกันทุกภาคนั่นแหละน่า แต่ทว่า Assassin’s Creed เองก็เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่เกมบนโลกนี้ที่มักดูดเวลาและจับผมขังไว้กับโลกของวิดีโอเกมได้อย่างยาวนานจนต้องตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า “นี่เราติดเกมอยู่หรือเปล่า ?”
และก็เป็นโอกาสอันมีค่าที่ผมได้ไปลองสัมผัสกับภาคต่อของเกมดังอย่าง Assassin’s Creed: Origins ที่มีให้ทดลองเล่นกันภายในงาน Tokyo Game Show 2017 ที่ผ่านมา แม้ว่าเวลาในการเดินสำรวจงานของผมจะน้อยมากแต่ก็ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะไปยืนต่อแถวเป็นเวลาประมาณ 20 นาที
ในระหว่างการยืนรอคิวนั้น พนักงานบูธของ Ubisoft ก็ได้ออกมายืนเกริ่นนำถึงเนื้อหาของตัวเกมในภาคนี้”เป็นภาษาญี่ปุ่น” ซึ่งแน่นอนว่าแม้ผมจะพอจับใจความจากท่าทางได้ว่าเป็นการเกริ่นนำตัวเกมแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้เข้าใจเนื้อหาที่ได้รับการบอกเล่าออกมาเลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่รับรู้คือการชี้มือไปยัง Backdrop ด้านหลังที่เป็นภาพของตัวร้ายของเกมกับศพที่ถูกห่อเป็นมัมมี่อยู่นั้น
ไม่นานนัก ก็ได้เวลาของคิวผม อ้อ ลืมบอกไป แต่ละรอบจะได้เข้าไปทั้งหมด 4 คน โดยมีเวลาคนละ 10 นาที ซึ่งแน่นอนว่า “ห้าม ถ่าย รูป”
ดังนั้นภาพที่เห็นดังต่อไปนี้จึงไม่ใช่ภาพจากภายในงานนะครับ
บนหน้าจอขนาดประมาณ 40 กว่านิ้วปรากฎภาพของเมจไจย์หนุ่มผิวสีเข้มร่างบึกบึนนามว่า Bayek หรือตัวละครหลักของเกมภาคนี้ที่เราจะได้เล่นกัน Bayek นั่งอยู่บนหลังม้าคู่ใจพร้อมกับบรรยากาศของซากปรักหักพังที่ปกคลุมไปด้วยทะเลทรายอันแสนกว้างใหญ่ ภารกิจของเขาคืออะไร แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่อาจทราบได้ เนื่องจากตัวเกมที่ได้ลองเล่นนั้นดันเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน และพนักงานประจำเครื่องที่ผมเล่นก็สื่อสารภาษาอังกฤษได้น้อยมาก
ในภาคนี้ตัวเกมจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ในการเดินทางสู่เป้าหมายแบบอัตโนมัติ เพียงเมื่อคุณอยู่บนหลังม้าและกดปุ่ม A (บน Xbox360 Gamepad) ค้างไว้ ม้าคู่ใจของเราก็จะทำการออกวิ่งไปสู่เป้าหมายของภารกิจ แน่นอนว่าผมก็ได้ลองกดยกเลิกเพื่อจะควบคุมม้าด้วยตนเองแต่จากที่ลองมานั้น ม้าหันไวมากกกกก วิ่งไปชนไป ไถกับกำแพงเป็นว่าเล่น ด้วยความอ่อนด้อยของผมเองจึงต้องหันกลับมาใช้ระบบนำทางอัตโนมัติ
ระหว่างการเดินทางอัตโนมัตินั้นผู้เล่นยังคงสามารถที่จะกดฟันดาบไปด้านข้างและยิงธนูจากหลังม้าได้ ซึ่งกรรมก็มาตกกับชาวบ้านร้านตลาดแถวนั้นที่กลายเป็นเป้าให้ผมลองฟาดฟันเล่น จนผู้รักษากฎหมายในพื้นที่ต้องเข้ามารุมจับตายผม แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้ 2 ต่อ 1 แต่ประสบการณ์ในการเล่น Assassin’s Creed อันคุกรุ่นในตัวผมได้บอกว่านี่ถึงเวลาที่จะลงไปดวลกันแล้ว ผมไม่รอช้ากระโดดจากหลังม้าลงไปหมายเข่นฆ่า ฉัวะ!!!!! โดนฟาดฟันไปดอกแรก หึ กระจอกน่า เดี๋ยวจะสวนกลับให้ตายกันหมดกองเลย ผมคิดในใจพลางจะกดปุ่มต่อสู้ …….อ่าว ชิบหาย ปุ่มไหนทำอะไรวะ ในระหว่างที่งุนงงและอยู่นั้น Bayek ก็โดนรุมสับจนปางตาย ส่วนผมก็รัวปุ่มยับๆ แต่ทว่าก็ไม่อาจต้านทานการรุมในครั้งนี้ได้ ส่วนพนักงานคุมเครื่องข้างผมก็พยายามสื่อสารเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าให้กด LB เพื่อเป็นการป้องกัน กว่าจะรู้เรื่อง Bayek ก็ตายอนาจอย่างน่าสมเพศไปเป็นที่เรียบร้อย
การตายครั้งที่ 1 ผ่านไป เหลือเวลาอีก 7 นาที
คราวนี้เรามาเกิดกันที่หน้าตลาดก่อนจะเข้าถึงตัวเมือง จาก Bayek สุดซ่าก็กลายเป็นเจ้าแมวน้อยที่พยายามไปทำภารกิจให้ไวที่สุด
ในที่สุดเจ้าม้าก็พาผมและ Bayek มาถึงลานประหารซึ่งระบบนำทางอัจฉริยะนี่ก็ดันขี่ม้าไปชนกับทหารข้างลานประหาร แต่คุณก็รู้ที่นี่มันยุคโบราณ ไม่มีการประนีประนอมใดๆ ทหารทั้งสองนายรุมเข้ามาสับผมอย่างรวดเร็วในข้อหาขี่ม้าโดยประมาท ผมกดรัวปุ่มฟันใส่ทหารเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง ผลที่ได้คือโดนบล็อค !!! ใช่ ทหารภาคนี้ไม่ได้ไก่กาให้เราฆ่าเป็นผักปลาอีกต่อไป เอาล่ะสิ ทำไงดีวะ ซวยแล้วๆ ผมได้ยินเสียงของพนักงานคนข้างๆ กำลังบอกผมว่า “เคาท์เตอรุ เคาท์เตอรุ” อะไรวะ อ๋อออ Counter Attack ผมพยายามกดปุ่มที่บอก แต่ก็ไม่ทันการ Bayek เจ้ากรรมดับอนาถหน้าลานประหาร
การตายครั้งที่ 2 ผ่านไป เหลือเวลาอีก 5 นาที
รอบนี้ไม่พลาด ผมรีบเข้าเมืองและกระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะเข้าไปคุยกับเป้าหมายที่กำลังจะเชือดคนบนลานประหาร ดูจากภาษากายและรูปแบบภารกิจที่ให้ทำ น่าจะเป็นการลงโทษหัวขโมยอะไรซักอย่าง หน้าที่ที่ผมต้องทำก็คือการไปหาสิ่งของเหล่านั้นให้เจอ
ภาพตัดกลับมา สิ่งของที่ว่านั้นจมอยู่ใต้ทะเลที่อยู่ออกไปไม่ไกล Bayek รีบวิ่งแข่งกับเวลาอันน้อยนิดไปยังริมฝั่ง ก่อนที่ตัวเกมจะบังคับให้เราใช้นกอินทรีคู่ใจ ไปเลยเจ้าวิหกน้อย ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่านี่มันนกหรือโดรนกันแน่ บังคับบินคล่องแคล่วพร้อมมีความสามารถแสกนพื้นที่จนเจอถังใบหนึ่งในก้นทะเลลึกและถังอีกใบบนเรือทหารที่กำลังจะออกจากท่า
เวลาในการทดสอบเกมก็จะหมดลง และเวลาในการทำภารกิจก็บีบคั้น
Bayek รีบวิ่งไปขโมยเรือแจวที่จอดอยู่ริมน้ำและมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวและกระโดดลงน้ำ พร้อมกับดำลงไปเก็บถังใบแรกขึ้นมา ภารกิจแสนง่ายที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ จุดที่น่าสนใจก็คือในภาคนี้เราสามารถโจมตีในขณะอยู่บนผิวน้ำได้ ถ้าให้เดา ศัตรูในภาคนี้คงจะลงมาต่อสู้กับเราในน้ำได้ด้วยเช่นกัน
ปัญหาถัดมาก็คือถังใบที่สอง ถังดังกล่าววางอยู่บนเรือลำใหญ่ของทหาร ผมรีบแจวเรือไปจอดเทียบข้างและกระโดดปีนขึ้นเรืออย่างรวดเร็ว แต่คุณเอ๊ย ทหารสองตัวในตลาดผมยังเอาชนะไม่ได้เลย แต่นี่ทหาร 5 คนได้ จะเอาอะไรไปสู้ แค่วิ่งไปถึงถังเป้าหมายก็โดนรุมฟันจนตายนั่นแหละ โง่ชิบหาย
การตายครั้งที่ 3 ผ่านไป เหลือเวลาอีก 2 นาที
โชคเข้าข้าง ครั้งนี้ผมเกิดข้างเรือเป้าหมายเลย ผมรีบกระโดดเกาะข้างเรือและไต่ไปจนถึงด้านที่ใกล้กับถังมากที่สุด ณ จุดนั้นมีหัวหน้าทหาร (มั้ง) ยืนดูเอกสารอยู่ จึงได้เข้าไปทำการเชือดคอแบบนิ่มๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเกม ก่อนจะขโมยถังและวิ่งกลับมายังลานประหาร
ภาพตัดมาเป็นการรอดชีวิตของหัวขโมยคนดังกล่าวก่อนภารกิจจะสิ้นสุดลง พร้อมกับเวลาในการทดลองเล่นที่ครบ 10 นาทีอย่างน่าเสียดาย
แม้จะเป็นการทดลองเพียงช่วงสั้นๆ แต่สำหรับผมแล้วมันก็เป็นช่วงเวลาที่ดีและทำให้การเฝ้ารอ Assassin’s Creed: Origins ที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ยิ่งยาวนานขึ้นไปอีก