ผลทดสอบชี้ว่าเด็ก ๆ ที่เล่นวิดีโอเกม สามารถทำการทดสอบประเมินการทำงานของสมองได้คะแนนที่สูงขึ้น

ผลจากการทดสอบและการประเมินครั้งใหม่ ชี้ให้เห็นว่าเด็กที่เล่นวิดีโอเกมนั้น จะมีความจำที่ดีขึ้น และมีทักษะด้านเครื่องยนต์ได้ดีกว่ากลุ่มเด็กที่ไม่ได้เล่น

Nora Valkow ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติว่าด้วยการใช้ยาเสพติด ออกมาแถลงว่า การวิจัยและศึกษาในครั้งนี้ช่วยเพิ่มความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างการเล่นวิดีโอเกมและการพัฒนาสมอง

โดยการศึกษานี้ใช้ข้อมูลจากการศึกษา Adolescent Brain Cognitive Development (ABCD) ที่เปิดตัวในปี 2018 และติดตามการพัฒนาสมองของเด็กหลายพันคนในสหรัฐอเมริกาเมื่อพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ โดยผู้เข้าร่วมโครงการต้องเข้ารัับการประเมินเป็นระยะ โดยมีการถ่ายภาพสมอง และศึกษางานด้านความรู้ความเข้าใจ ตรวจสุขภาพจิต สุขภาพร่างกาย และการทดสอบอื่น ๆ ด้วย

การทดสอบนี้รวบรวมข้อมูลของเด็กประมาณ 2,217 คน ระหว่างอายุ 9-10 ขวบ โดยถามผู้เข้าร่วมว่าพวกเขาเล่นวิดีโอเกมหรือไม่ เล่นกี่ชั่วโมง และในวันธรรมดาหรือวันหยุด และทีมวิจัยได้แบ่งออกเป็นกลุ่มที่เล่นอย่างน้อย 21 ชั่วโมงต่อสัปดาห์กับกลุ่มที่ไม่เล่นเลย ส่วนเด็กที่เล่นบ้างไม่เล่นบ้างนั้นไม่ถูกนับรวมแต่อย่างใด

ผลปรากฎว่ากลุ่มที่เล่นวิดีโอเกมนั้น ทำการทดสอบออกมาได้ดีกว่า โดยมีความแตกต่างในรูปแบบการทำงานของสมอง สมองมีการทำงานมากขึ้นเกี่ยวกับด้านความสนใจและความทรงจำ และแสดงออกได้ระดับหนึ่งว่าคนที่เล่นเกมนั้น มีความได้เปรียบกว่าในด้านการทำงานของสมองบางประเภท

หลากหลายบริษัทได้พยายามใช้ผลการทดสอบนี้ พัฒนาวิดีโอเกมที่รักษาสภาพการรับรู้แบบนี้เอาไว้ เช่น Akili Interactive ที่ทำเกมที่ได้รับคำสั่งจากแพทย์เพื่อรักษาโรคสมาธิสั้น เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนนักว่าทำไมจึงเกิดความแตกต่าง อาจเพราะวิดีโอเกม หรือปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งก็ยังคงต้องให้เหล่านักวิจัยทำการศึกษาค้นคว้ากันต่อไป